
ในเรือนจำกลางบางขวาง มีสถานที่สำหรับดูแลและรักษานักโทษที่เจ็บป่วยอาการไม่รุนแรงมากนักเรียกกัน ว่า “สถานพยาบาล” หรือ “แดน๑๒” มีนางพยาบาลและบุรุษพยาบาลคอยดูแลนักโทษที่เจ็บป่วยประจำอยู่ทุกวัน และมีนายแพทย์คอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาตรวจรักษานักโทษเหล่านี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำแดนคอยดูแลรักษาด้านความปลอดภัย
ภายในสถานพยาบาลแห่งนี้จะมีนักโทษชั้นดีเยี่ยม ทำหน้าที่ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน คอยดูแลความสะอาด เข็นเตียงคนป่วย รวมทั้งเป็นลูกมือคอยบริการให้แพทย์และพยาบาล เวลากลางคืนก็ต้องคอยดูแลคนป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ที่สถานพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งนักโทษชั้นดีเยี่ยมกลุ่มนี้ ได้รับการฝึกอบรมในด้านการรักษาพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งการใช้ยาและการฉีดยาให้คนป่วยยามฉุกเฉิน
นักโทษชั้นดีเยี่ยมคนหนึ่งอายุประมาณ ๖๐ ปีเศษ ชื่อลุงแดง เป็นคนขยันจนเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่และนักโทษทุกคน เวลาใครไปธุระที่สถานพยาบาล จะเห็นแกคอยบริการอยู่ที่ตึกอำนวยการตลอดเวลา ทำตั้งแต่ดูแลความสะอาด วัดปรอทและวัดความดันคนไข้ เดินใบประวัติฯและใบสั่งยา เป็นคนพูดน้อย ท่าทางใจดี ตกตอนเย็นก็ต้องถูกขังในห้องขังเช่นเดียวกับนักโทษทุกคน
ลุงแดงติดคุกในข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ถูกศาลตัดสินลงโทษตลอดชีวิต ปัจจุบันถูกขังอยู่ในเรือนจำแห่งนี้มาแล้วเกือบ ๒๐ ปี มีกำหนดโทษลดลงเหลือ ๔๐ ปี จึงต้องถูกคุมขังต่อไปอีกจนกว่าจะครบตามกำหนดโทษ หรือได้รับอภัยโทษตามโอกาสสำคัญต่างๆ ซึ่งโอกาสนั้นมีน้อยเต็มที เนื่องจากคดีมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น มักจะไม่ได้รับการอภัยโทษให้ สาเหตุเพราะเป็นคดีที่บ่อนทำลายประเทศชาติอย่างร้ายแรง ซึ่งถือกันว่าเป็นคดีตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยอีก ด้วย ดังนั้นโอกาสที่ลุงแดงจะแก่ตายในคุกจึงมีสูงมาก
วันหนึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสนั่งคุยกับลุงแดง ข้าพเจ้าถามลุงแดงว่า “ลุงแดงเป็นคนที่ไหน ก่อนลุงติดคุก ลุงทำงานอะไร แล้วนึกยังไงถึงได้ไปค้ายาเสพติด”
ลุงแดงมองข้าพเจ้าด้วยสายตาซึมเศร้า สักพักก็มีน้ำตาไหลพรากออกมา ข้าพเจ้าตกใจร้องถามไปว่า “ลุงแดงร้องไห้ทำไม ผมพูดอะไรไม่ดีตรงไหนหรือเปล่าลุง”
ลุงแดงตอบเสียงสะอื้นว่า “ไม่ใช่เพราะหัวหน้าหรอกครับ เป็นเพราะผมน้อยใจในชะตาชีวิตของตัวเองมากกว่า ผมไม่น่าที่จะต้องมาติดคุกเลยครับ ความผิดซักนิดผมก็ไม่เคยทำมาก่อน คงเป็นเพราะเวรกรรมในชาติปางก่อนของผมมากกว่า ผมถึงได้ต้องมาติดคุกในเรื่องที่ผมไม่เคยรู้เรื่องด้วยเลยสักนิด ความหวังที่จะได้ออกจากคุกของผม คงต้องออกไปหลังจากที่ผมหมดลมหายใจไปแล้ว อภัยโทษครั้งสุดท้ายที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้รับกับเขา ทุกวันนี้ผมทำงานช่วยเหลือเรือนจำก็เพื่อให้หมดไปวันๆ เท่านั้น สิ่งตอบแทนทั้งหลายผมไม่หวังอะไรทั้งสิ้น ผมยังโชคดีอยู่บ้างที่ทุกคนให้ความเห็นใจและความเป็นกันเองกับผมมาตลอด ผมติดคุกมาเกือบ ๒๐ ปีแล้วนะครับ ยังไงผมก็ยังขอยืนยันว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในผงขาวที่ถูกจับได้เลย ใครจะเชื่อหรือไม่ผมไม่ว่า แต่ผมรู้กับใจตัวเองว่าผมบริสุทธิ์”
ข้าพเจ้าถามว่า “เรื่องราวของลุงแดงเป็นมาอย่างไร เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ อย่างน้อยก็เพื่อประดับความรู้ จะได้ไม่ไปพลาดท่าเสียทีให้ใครเขาง่ายๆ ในส่วนตัวของผม ผมเชื่อว่าลุงแดงคงไม่เล่าเรื่องโกหกให้ผมฟัง ถ้ามีโอกาสเมื่อไร ผมจะเอาเรื่องของลุงแดงไปบอกเล่าให้สังคมภายนอกได้รับรู้ คนบริสุทธิ์จะได้ไม่โดนอย่างลุงแดงอีก”
ลุงแดงตอบว่า “ตกลงครับ ถ้าหัวหน้าอยากรู้ผมก็จะเล่าให้ฟัง เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ สมัยที่ผมยังไม่ได้ติดคุกนั้น ผมมีอาชีพขับรถแท็กซี่ป้ายดำอยู่ที่จังหวัดเชียงรายบ้านเกิดของผม คำว่าแท็กซี่ป้ายดำก็รู้กันอยู่แล้วว่าหมายถึงรถยนต์ส่วนบุคคลที่นำมาใช้รับ จ้างขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนรถให้เป็นรถยนต์นั่งสาธารณะอย่างถูกต้อง คนทั่วไปจะมองไม่รู้ว่าเป็นรถแท็กซี่ ดังนั้นผมจึงต้องไปอาศัยจอดตามวินรถ หรือไม่ก็ตามท่ารถ บ.ข.ส.และรถทัวร์เพื่อหาลูกค้า
ตามปกติแล้วรายได้ของผมก็อยู่ในขั้นที่ดี เรียกว่าพอใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างสบาย บางครั้งก็มีคนมาเหมาให้ไปส่งข้ามจังหวัดอยู่บ่อยๆ ไปทีหนึ่งสองสามวันก็ยังเคย ทำให้ผมได้เงินค่าจ้างเป็นกอบเป็นกำ
ส่วนใหญ่แล้วคนที่มาเหมารถของผมจะเคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อน ถ้าเป็นคนแปลกหน้ามาเหมาให้ไปส่งไกลๆ ข้ามจังหวัด ผมจะพิจารณาลักษณะท่าทางว่าน่าไว้วางใจหรือเปล่า ถ้าดูแล้วไม่เข้าท่าผมก็จะปฏิเสธเขาไป ผมกลัวถูกหลอกไปปล้นครับหัวหน้า ถ้าผมเป็นอะไรไปใครจะมาดูแลลูกเมียของผมใช่ไหมครับ
แต่แล้วความซวยก็ได้มาเยือนผมจนได้ เป็นความซวยที่สุดในชีวิตของผมเท่าที่เคยประสบมา วันนั้นผมเอารถออกไปวิ่งหากินตามปกติ มีผู้โดยสารใช้บริการพอสมควร หลังจากส่งผู้โดยสารรายสุดท้ายเสร็จแล้ว ผมก็ขับรถไปจอดพักเพื่อรอผู้โดยสารที่วินรถซึ่งผมเคยไปจอดอยู่เป็นประจำ ปรากฏว่ามีผู้ชายสามคนมาเหมาให้ผมขับรถไปส่งที่กรุงเทพฯ หนึ่งในสามคนนั้นผมเคยเห็นหน้ามาก่อน ส่วนอีกสองคนลักษณะท่าทางและคำพูดก็ดูน่าไว้วางใจ เมื่อผมเรียกค่ารถที่จะเหมาผมไป ทั้งสามก็ตอบตกลงโดยดี แล้วยังจ่ายเงินล่วงหน้ามาให้ผมก่อนอีกด้วย แถมยังบอกอีกว่าเมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้วจะมีเงินพิเศษให้อีก ขอให้ขับรถไปดีๆ ก็แล้วกัน
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสามก็ขึ้นรถของผม โดยมีกระเป๋าและกล่องกระดาษมาด้วยสองสามชิ้น ซึ่งผมก็ให้เก็บไว้ในกระโปรงท้ายรถเพื่อจะได้นั่งกันอย่างสบายๆ เสร็จแล้วผมได้ขอแวะบ้านเพื่อเอาเงินไปให้ลูกเมียไว้ใช้ และเพื่อบอกให้รู้ว่าผมจะไปส่งผู้โดยสารที่กรุงเทพฯ ลูกเมียจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม จากนั้นผมและผู้โดยสารทั้งสามจึงออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทันที
ตลอดการเดินทางทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน และยังชวนผมคุยเล่นอีกด้วย ผมเองก็ชอบอยู่แล้วจะได้แก้ง่วงไปในตัว เมื่อแวะปั๊มน้ำมันยังซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาฝากผมด้วย ทำให้ผมกับผู้โดยสารสนิทกันอย่างรวดเร็ว ผมเลยถือโอกาสถามว่าจะไปทำอะไรกันที่กรุงเทพฯ ทั้งสามบอกว่าจะไปหาญาติเพื่อทำธุระนิดหน่อย ถ้าธุระเสร็จเร็วก็อาจจะกลับมาพร้อมกับผมเลย และยังจะจ่ายค่ารถให้ผมเท่ากับขาไปอีกด้วย ผมยิ่งชอบใจใหญ่เพราะไหนจะได้เงินเพิ่ม แล้วยังไม่ต้องขับรถกลับบ้านคนเดียวอีก เลยตกลงกันว่าผมจะรอจนกว่าจะเสร็จธุระ จากนั้นก็คุยกันไปตลอดทาง
แต่แล้วผมก็ขับรถมาเจอด่านตรวจของตำรวจเข้า ผมเองบริสุทธิ์ใจจึงไม่ได้นึกกลัวอะไรตำรวจ แต่ทั้งสามคนที่นั่งมาได้ถามผมว่ามีทางอื่นเลี่ยงด่านตรวจได้ไหม ผมก็บอกไปว่าคงไม่มีทางเลี่ยงแล้ว เส้นทางนี้ผมผ่านมาบ่อย ตำรวจตรวจพอเป็นพิธีเท่านั้นคงไม่เสียเวลาอะไรมากนัก
เมื่อถึงด่านตรวจ ตำรวจได้ให้ทุกคนลงจากรถเพื่อทำการตรวจค้น ผมเองก็แปลกใจเพราะทุกครั้งที่ผ่านมา ตำรวจจะขอดูใบขับขี่และบัตรประจำตัวของคนในรถทั้งหมดเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องลงจากรถแต่อย่างใด อาจจะขอค้นดูในกระเป๋าสัมภาระแค่นิดหน่อยแล้วก็ปล่อยผ่านไป แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ตำรวจค้นในรถอย่างละเอียดซึ่งก็ไม่พบอะไรผิดกฎหมาย แล้วก็ให้ผมเปิดกระโปรงท้ายรถเพื่อตรวจค้น
ในกระโปรงท้ายรถมีกระเป๋าและกล่องกระดาษของผู้โดยสาร และมีเสื้อผ้าของผมอีกนิดหน่อย ตำรวจได้เปิดกระเป๋าและกล่องกระดาษทุกใบออกค้นอย่างละเอียด ปรากฏว่าในกระเป๋าของผู้โดยสาร มีห่อพลาสติกใสข้างในมีผงสีขาวคล้ายแป้งอยู่หลายถุง พอผมเห็นเช่นนั้นก็เสียววูบในหัวใจกลัวว่าจะเป็นยาเสพติด แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อตำรวจจับผมและผู้โดยสารทั้งสามใส่กุญแจมือ พร้อมกับแจ้งข้อหาให้ทราบว่า ร่วมกันมียาเสพติดเฮโรอีนชนิดผงขาวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ผมตกใจเป็นอย่างมากเหงื่อออกเต็มไปหมดและได้ปฏิเสธข้อหาไป แต่ตำรวจบอกว่ามีอะไรไปพูดกันที่โรงพัก จากนั้นจึงนำผมและทั้งสามคนขึ้นรถตำรวจไป
ระหว่างทางผมได้คุยกับผู้โดยสารทั้งสามที่ถูกจับมาด้วยกันว่าช่วยเหลือผม ด้วยเถอะนะ ผมไม่รู้เรื่องอะไรกับพวกคุณด้วย อย่าให้ผมต้องมาติดคุกด้วยเลย ผมมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกเมีย ผมทำมาหากินอย่างสุจริต ที่ผมมาส่งพวกคุณเพราะต้องหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง พวกคุณทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจดี สงสารคนทำมาหากินเถอะนะ
คนทั้งสามได้พูดปลอบใจผมว่า ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมเห็นใจคุณจริงๆ พวกผมสามคนจะรับผิดชอบในเรื่องนี้เอง ขอให้คุณให้การไปตามความเป็นจริงก็แล้วกันว่า พวกผมเหมารถของคุณมา ส่วนเรื่องยาพวกผมจะรับเป็นเจ้าของเอง และจะกันคุณออกไป แต่ว่าตำรวจจะเชื่อพวกผมและคุณหรือเปล่าเท่านั้น ถ้าเชื่อคุณก็รอด ถ้าไม่เชื่อพวกผมก็จนใจไม่รู้จะช่วยยังไง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เพจแฟนคลับ ยุทธ บางขวาง
thaispygadget