คู่มือการใช้งาน
(USER MANUAL)
PulseDive
เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย
ควรอ่านคู่มือใช้งานก่อนที่จะใช้งานเครื่อง
ห้าม!!!เก็บ PulseDive ไว้ในสภาวะที่อุณหภูมิร้อนจัดหรือเย็นจัดเป็นเวลานาน(อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาคือ -20 ถึง 60 องศา)
PulseDive ถูกออกแบบมาให้มีการกันน้ำที่ระดับ IP68 กันน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร หรือ 200 ฟุต อย่างไรก็ตามคุณก็ต้องให้ความสำคัญกับคำเตือนด้านล่าง
1) ห้ามล้างหรือแช่น้ำส่วนประกอบต่างๆที่แยกชิ้นส่วนกัน มันต้องประกอบเข้ากันอย่างแน่นหนาก่อนเท่านั้น
2) ก่อนที่จะใช้เครื่องใต้น้ำ หรือล้างทำความสะอาดเครื่องแต่ละครั้ง ตรวจดูให้แน่ใจว่า
a. ส่วนหัวตรวจจับ/ระบุตำแหน่ง ได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้อง ห้ามเปลี่ยนหัวใต้น้ำ
b. วงแหวนตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างหัวกับเครื่อง ลงล้อคกันพอดีแน่นหนา
C. ฝาหุ้มแบตเตอรี่ปิดแน่นหนาอย่างดีไม่ปีนเกลียว
3)PulseDive มากับฝาปิดช่องแบตเตอรี่ 2 แบบ คือแบบที่สำหรับใช้งานใต้น้ำกับแบบใช้งานบนพื้นดิน ใช้ให้ถูกฝา ในรูปจะมีฝาแบบซ้ายกับแบบขวา แบบซ้ายคือสำหรับโหมดดำน้ำ แบบขวาคือสำหรับพื้นดิน ฝาบนพื้นดินจะมีช่องให้เสียงจากลำโพงออกมาได้ง่ายกว่า อย่าใช้ของมีคมหรือแปรงแบบที่แข็งเกินไปในการแงะทำความสะอาดฝาครอบแบตเตอรี่เพราะจะทำให้เสียหายได้
* อ่านด้านล่างเพื่อปฏิบัติหลังจากใช้งาน โดยเฉพาะหลังใช้งานในน้ำเค็ม *
1) เช็คดูว่าเครื่องเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนาและฝาแบตถูกปิด จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด
2) ไม่ใช้สารเคมีรุนแรงในการทำความสะอาดเครื่อง หรือเพื่อจุดประสงค์อื่นใด
3) พยายามปกป้องเครื่องตรวจจับจากความเสียหายในขณะใช้งานปกติ สำหรับการขนส่งควรวางเครื่องอย่างเหมาะสมในกล่องและป้องกันการกระแทกอย่างเหมาะสมในการแพคของส่งศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Nakta Makro เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ถอดส่วนประกอบของเครื่อง PulseDive อย่างละเอียดเพื่อซ่อม ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วการรับประกันจะถือเป็นโมฆะ
แนะนำเกี่ยวกับเครื่อง
PulseDive มีวางจำหน่าย 2 รุ่น คือรุ่น Scuba Detector & Pointer 2-in-1 set (คือจะมีทั้งตัวตรวจจับและตัวระบุตำแหน่ง) กับอีกรุ่นคือมีแค่ตัวระบุตำแหน่งอย่างเดียว ทั้งสองรุ่นมีฟังก์ชั่นและการทำงานของเครื่องเหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่รุ่นแรกจะมีจานตรวจจับสำหรับดำน้ำแบบ scuba และมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเล็กน้อย ถ้าคุณซื้อรุ่นที่มีแค่ตัวระบุตำแหน่งอย่างเดียว สามารถข้ามคู่มือในส่วนที่เกี่ยวกับจานตรวจจับแบบดำน้ำไปได้เลย และคุณก็สามารถซื้อจานตรวจจับแบบดำน้ำเพิ่มเติมทีหลังมาทำงานกับเครื่องได้เมื่อคุณต้องการ
1) ส่วนควบคุม
2) ปุ่มเปิดปิด และปุ่มตั้งค่าใหม่อีกครั้ง (retune)
3) ปุ่มฟังก์ชั่น (F)
4) ปุ่มปรับค่า (A)
5) หลอด LED สีเขียว
6) หลอด LED สีแดง
7) แฟลช LED
8) จานตรวจจับดำน้ำ และวงแหวนสีขาวกันน้ำซึม
9) ช่องชาร์จแบต
10) ลำโพง
11) ปลอกหุ้มแบตกันน้ำ ใช้ดำน้ำ
12) ปลอกหุ้มแบตปกติ ใช้บนพื้นดิน
13) ตัวระบุตำแหน่งและวงแหวนสีดำกันน้ำ
14) ปลอกหุ้มกันฝุ่น สำหรับส่วนที่เสียบต่อส่วนควบคุมเครื่องเวลาไม่ได้ใช้งาน
15) ปลอกหุ้มกันฝุ่นสำหรับตัวตรวจจับ
การประกอบเครื่อง
PulseDive มากับจานตรวจจับดำน้ำ ถ้าเราต้องการเปลี่ยนหัวไปเป็นตัวระบุตำแหน่ง ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังในรูป และถ้าจะเปลี่ยนกลับมาใช้เป็นจานตรวจจับดำน้ำ ก็ให้ทำตามขั้นตอนย้อนหลังขึ้นมา
ข้อสำคัญ !!! เวลาเปลี่ยนหัว จะต้องเสียบให้เข้าร่องตรงกันระหว่างส่วนควบคุมกับหัวจานตรวจจับ/หัวระบุตำแหน่ง และหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อให้มันเข้าล็อคแน่นหนา
1) การถอดหัวจานตรวจจับดำน้ำ ให้หมุนหัวจานตรวจจับ ทวนเข็มนาฬิกา
สำคัญ !!! อย่าจับหัวจานตรวจจับจากส่วนหน้า ให้จับจากส่วนท้ายของวงขดลวด (ที่ลูกศรชี้ในรูปด้านล่าง) เพื่อป้องกันไม่ให้วงขดลวดเกิดความเสียหาย
3) ถือหัวระบุตำแหน่งมาเตรียมต่อกับตัวเครื่องให้สลักมันตรงกัน
4) สวมหัวเข้าไปที่ตัวเครื่องแล้วดันเข้าไป
5) สวมปลอกหุ้มตัวระบุตำแหน่งเข้าไป สวมครึ่งนึงของความยาวหัวระบุตำแหน่ง
6) หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อให้แน่น แล้วสวมเข้าไปตลอดความยาวให้หัวระบุตำแหน่งถูกหุ้มสนิท
สำคัญ !!! หัวระบุตำแหน่งถูกออกแบบมาให้สวมเข้ากันได้พอดีกับตัวเครื่องเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าไป ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนหัวถอดเข้าหรือถอดออก ให้ใช้ปลอกของหัวระบุตำแหน่งนี้สวมเข้าไปครึ่งนึงของความยาว สำหรับช่วยในการหมุนเพื่อถอดและสวม
สำคัญ !!! ห้ามเปลี่ยนสลับหัวตรวจจับกับระบุตำแหน่งใต้น้ำ
และเพื่อไม่ให้ PulseDive หลุดหายในขณะที่ว่ายน้ำหรือถือบนพื้นดิน เราขอแนะนำให้คุณห้อยสายคล้องเพื่อความปลอดภัย ดังภาพ
7) ห้อยสายคล้องเพื่อความปลอดภัย คล้องปลาย a ไว้กับตรงท้ายส่วนควบคุมของเครื่อง และใช้ขอเกี่ยว b เกี่ยวกับเข็มขัดหรือสายรัดข้อมือเรา
หากเราต้องการห้อยเครื่องไว้ที่เอวเราโดยไม่ทำหาย เราแนะนำให้คุณใช้สายคล้องเกี่ยวกับซองเข็มขัดดังรูปล่าง
8) คล้องปลาย a ไว้กับตรงท้ายส่วนควบคุมของเครื่อง และใช้ขอเกี่ยว b เกี่ยวไว้กับซองเข็มขัด
ข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่
PulseDive มีแบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ ขนาดไฟฟ้า 1650 mAh ในตัวเครื่อง ชาร์จเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเริ่มใช้งาน
การชาร์จ: คุณสามารถชาร์จด้วยสายชาร์จ USB, พาวเวอร์แบงค์, ชาร์จกับคอมพิวเตอร์ หรือชาร์จในรถก็ได้
* ระยะเวลาในการชาร์จอาจจะนานกว่าปกติถ้าใช้สาย USB ที่มีอัตราการส่งกระแสไฟต่ำกว่า 1 amp หรือชาร์จกับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า
ขณะชาร์จ ไฟ LED สีแดงจะสว่างขึ้น เมื่อแบตเต็ม ไฟสีเขียวและแดงจะสว่างทั้งคู่ หากมีความผิดปกติอะไรก็ตามขณะชาร์จ ไฟสีเขียวจะกระพริบ
สัญญาณบ่งบอกขณะใช้งาน:
> ไฟแดงและไฟเขียวสว่าง = แบตเต็ม
เมื่อแบตหมดเกลี้ยง ไฟแดงและไฟสีเขียวจะกระพริบทุกๆ 5 วินาที เครื่องจะทำงานต่อไปสักพักแล้วส่งเสียงบี๊บหนึ่งครั้งก่อนดับไป
!!! คำเตือน !!! เกี่ยวกับแบตเตอรี่
สำคัญ !!! เครื่องจะไม่ทำงานขณะชาร์จ
> ห้ามใช้งานหรือเก็บเครื่องในที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัดหรือหนาวจัด เช่นท้ายรถหรือช่องเก็บของ
>ห้ามชาร์จแบตในที่ที่มีอุณภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส
>สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ของเครื่องได้ที่ Nokta Makro Detectors หรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
การใช้งานเครื่อง
ในขณะที่ใช้งานเครื่อง ไฟสีเขียวจะกระพริบทุกครั้งที่เรากดปุ่มอะไรก็ตาม และจะสว่างค้างไว้เมื่อเรากดปุ่มค้างไว้
ปุ่มเปิด/ปิด
-กดปุ่มหนึ่งครั้งเพื่อเปิดเครื่อง จะได้ยินเสียงบี๊บครั้งนึงและแสงหลอดไฟสองสีจะสว่างเพื่อบอกสถานะระดับแบตเตอรี่ ถ้าต้องการปิดเครื่อง ให้กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้ เราจะได้ยินเสียงบี๊บสองครั้ง ไม่ว่าเราจะใช้งานโหมดไหนอยู่ก็ตาม และไฟสองสีก็จะสว่างพร้อมกัน
-เครื่องจะปรับจูนตัวเองอัตโนมัติเมื่อเราเปิดเครื่อง พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีโลหะอยู่ในบริเวณที่เราเปิดเครื่อง เพราะมันจะรบกวนการปรับจูน ถ้าเราต้องไปใช้งานในบริเวณชายหาดหรือพื้นที่ที่มีแร่ธาตุอยู่ในดินมาก เราขอแนะนำให้วางเครื่องไว้กับพื้นตรงนั้นแล้วเปิดเครื่อง หรือเปิดเครื่องแล้วไปกดปุ่มเปิดปิดใกล้ๆกับพื้นเพื่อปรับจูนให้เข้ากับสภาวะของพื้นดิน แม้ว่ามันอาจจะทำให้ความลึกที่ตรวจจับได้น้อยลง แต่ว่ามันจะทำให้การทำงานเสถียรขึ้นเพราะไม่ถูกรบกวนจากแร่ธาตุ
-สามารถปรับจูนได้เสมอเมื่อรู้สึกว่าเครื่องให้สัญญาณที่ไม่ค่อยแม่นยำนัก การปรับจูนทำได้โดยกดปุ่มเปิด/ปิดหนึ่งครั้ง อย่าปรับจูนใกล้ที่ที่มีโลหะอยู่เพราะมันจะตัดสัญญาณการตรวจจับโลหะออกไปและสูญเสียความลึกในการตรวจจับ
-เมื่อปิดแล้วเปิดใหม่PulseDive จะทำงานต่อตามการตั้งค่าล่าสุดที่บันทึกไว้
โหมดการเตือนเมื่อตรวจจับ
มี 3 โหมด คือ เสียง, สั่น, สั่นและเสียง
เปลี่ยนโหมดได้โดยกดปุ่มโหมด (F)
หลอดไฟสีแดง
นอกจากโหมดการตรวจจับด้านบนแล้ว แสงไฟสีแดงยังสามารถบอกได้ว่ามีการตรวจจับเกิดขึ้น เมื่อหลอดไฟสีแดงทำงาน มันจะกระพริบเมื่อมีการพบโลหะเกิดขึ้นไม่ว่าเราจะใช้โหมดการเตือนแบบไหนอยู่ก็ตาม ยิ่งเราเข้าใกล้วัตถุมากขึ้นเท่าไหร่ หลอดไฟสีแดงก็จะกระพริบเร็วขึ้นและถี่ขึ้น
เปิด/ปิดการใช้งานหลอดไฟสีแดงได้โดยกดปุ่ม A ค้างไว้
ความไวต่อวัตถุ
PulseDive มีความไวต่อวัตถุ 5 ระดับ ปรับตั้งค่าความไวนี้ได้โดยกดปุ่ม F ค้างไว้แล้วกดปุ่ม A ทุกๆครั้งที่กดปุ่ม A จะเป็นการปรับเพิ่มความไวต่อวัตถุขึ้นทีละ 1 ระดับ แต่ละระดับจะแสดงผลเป็นจำนวนเสียงบี๊บหรือจำนวนการสั่น แล้วแต่ว่าเราอยู่ในโหมดการเตือนแบบไหน เช่น
แสงแฟลช LED
เปิด/ปิดการใช้งานแฟลชได้โดย กดปุ่ม A หนึ่งครั้ง กดครั้งนึงเปิด กดอีกครั้งคือปิด
โหมดดำน้ำ
ถ้าจะใช้ PulseDive ขณะดำน้ำ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนโหมดการทำงานไปสู่การดำน้ำเพื่อป้องกันการที่แรงดันน้ำมาดันแล้วกดที่ปุ่มต่างๆขณะใช้งาน ในขณะที่อยู่ในโหมดำน้ำปุ่มต่างๆจะถูกล็อคไม่ให้ทำงาน เพราะฉะนั้นเราเลยต้องมั่นใจแล้วว่าก่อนเปิดโหมดดำน้ำเราต้องตั้งค่าอื่นๆเอาไว้ตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว เราแนะนำให้คุณใช้โหมดการสั่นและแสงไฟสีแดงเป็นการเตือนขณะใช้งานใต้น้ำ
เปิดโหมดดำน้ำโดย หงายเครื่องดังรูปและกดปุ่ม A กับ F พร้อมๆกัน แล้วหลอดไฟสีเขียวจะสว่างขึ้น พร้อมกับได้ยินเสียงบี๊บหรือสั่นขึ้นอยู่กับโหมดเตือนที่ใช้อยู่ ถ้าการเตือนด้วยหลอดไฟสีแดงเปิดไว้ มันจะกระพริบหนึ่งครั้ง
-ในโหมดดำน้ำ เครื่องจะไม่ตรวจจับวัตถุถ้าเราหงายเครื่องขึ้นแบบในรุป มันจะตรวจจับเมื่อเราคว่ำจานตรวจจับลงอย่างเหมาะสมเท่านั้น
-เมื่อต้องการออกจากโหมดดำน้ำ ให้ทำตามขั้นตอนด้านบนอีกครั้ง เมื่อออกจากโหมดดำน้ำเครื่องจะส่งเสียงบี๊บหรือสั่นขึ้นอยู่กับโหมดเตือนที่ใช้อยู่ ถ้าการเตือนด้วยหลอดไฟสีแดงเปิดไว้ จะกระพริบหนึ่งครั้ง แต่ไฟสีเขียวจะไม่สว่าง
สำคัญ !!! เครื่องจะไม่เปลี่ยนไปเป็นโหมดดำน้ำในขณะที่กำลังตรวจจับโลหะ
โน้ต ใช้หูฟังไร้สายไม่ได้ในโหมดดำน้ำ หูฟังไร้สายจะกลับมาเชื่อมต่ออีกครั้งอัตโนมัติหลังจากออกจากโหมดดำน้ำ
_________________________
แปลโดย : รวิชย์ หลงสวาสดิ์
ผู้เขียน : ปองวุฒิ เทศปัญ