
จากบทหนึ่งของหนังสือ "เรื่องจริงในเรือนจำ"
ตอน ปล้นญวน
การปล้น จี้ ฆ่า และข่มขืนนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว โดยส่วนใหญ่เหยื่อที่ถูกกระทำการจะมีเพียงแค่ไม่กี่คน และเป็นไปในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งจะมีใครคาดคิดบ้างว่าได้เคยมีบุคคลกลุ่มหนึ่งตั้งก๊วนโจรขึ้นมา ออกทำการปล้นฆ่าและข่มขืนผู้คนราวกับผักปลา ไร้สิ้นซึ่งความเมตตาปราณี โดยไม่สนใจว่าเหยื่อเหล่านั้นจะเป็นแค่เด็กทารกแบเบาะ หรือคนแก่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยข้าพเจ้าได้รับฟังเรื่องราวดังกล่าวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากคำ บอกเล่าของกลุ่มโจรก๊กหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันต้องเข้ามารับโทษทัณฑ์อยู่ภายในเรือนจำกลางบางขวาง ข้าพเจ้าหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับใครหรือชนชาติใดอีกต่อไปใน อนาคต ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นชนชาติใดก็ตาม ทุกคนต่างก็มีความเป็นมนุษย์เช่นกัน อย่าได้มีการเบียดเบียนหรือรังแกซึ่งกันและกันอีกเลย
ในสมัยที่ข้าพเจ้าทำหน้าที่ประจำอยู่ฝ่ายควบคุมแดน ๘ (แดนสงวน) ซึ่งเป็นแดนที่ใช้ฝึกวิชาชีพให้แก่นักโทษเพื่อนำไปประกอบอาชีพหลังจากพ้นโทษ โดยมีนักโทษคดีต่างๆ ถูกควบคุมอยู่ประมาณ ๕๐๐ กว่าคน ในจำนวนนี้มีนักโทษอยู่ ๒ คนซึ่งต้องโทษมาในคดีเดียวกัน คนหนึ่งมีชื่อเล่นว่าศักดิ์ มีฝีมือในด้านงานเหล็ก เช่น โต๊ะเก้าอี้สนาม งานโลหะต่างๆ ส่วนอีกคนมีชื่อเล่นว่าพงษ์ มีฝีมือทางด้านเครื่องประดับมุก เช่น ชุดหมู่มุก ตะลุ่มมุก กระเป๋ามุก เป็นต้น
ทั้ง น.ช.ศักดิ์ และ น.ช.พงษ์ติดคุกในคดี เป็นโจรสลัดปล้นฆ่าผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน ๑๓ ปี ข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน ฆ่าคนตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน ฆ่าเด็กทารกโดยทรมาน มีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น ฯลฯ
วันหนึ่งข้าพเจ้าได้พูดคุยกับ น.ช.ศักดิ์ และ น.ช.พงษ์ถึงคดีที่เกิดขึ้น โดย น.ช.ศักดิ์เป็นคนเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ข้าพเจ้าฟัง ซึ่งข้าพเจ้าแทบจะไม่เชื่อว่าได้เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาแล้วจริงๆ และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองทั้ง สิ้น
น.ช.ศักดิ์เล่าว่า “ในช่วงที่ผมยังไม่ได้ติดคุกนั้น มีชาวญวนเป็นจำนวนมากอพยพมาทางทะเลเพื่อเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งญวนอพยพพวกนี้จะขนเงินทองติดตัวกันมาเป็นจำนวนมาก โดยพวกนี้จะแอบซุกซ่อนกันมาในเรือประมงประเภทต่างๆ ตั้งแต่ลำละ ๑๐ กว่าคน จนถึงลำละ ๗๐-๘๐ คนก็มี ทำให้เกิดกลุ่มต่างๆ ที่หากินกับชาวญวนขึ้นมาหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่รับจ้างนำญวนเข้าสู่ประเทศไทย กลุ่มรับจ้างวิ่งเต้นเพื่อช่วยเหลือให้ส่งตัวไปประเทศที่ ๓ กลุ่มให้ที่พักพิงและหางานการให้ทำ และกลุ่มที่เป็นโจรสลัดเข้าปล้นญวนกันกลางทะเลเลย ซึ่งบางกลุ่มจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่มีอำนาจร่วมด้วย
แต่ก่อนนั้นพวกผมทำงานเรือประมงอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ บางคนเป็นแค่ลูกเรือธรรมดา บางคนเป็นไต้ก๋งเรือ บางคนเป็นเจ้าของเรือ ในช่วงนั้นเรือประมงจะมีอยู่ ๓ ประเภท ประเภทแรกคือเรือประมงที่หากินทางการจับปลาจริงๆ โดยไม่มีอะไรอื่นแอบแฝง ประเภทที่สองเป็นเรือประมงที่หากินทางการจับปลาเหมือนกัน แต่ถ้าบังเอิญไปพบเรือญวนอพยพเข้าก็จะถือโอกาสเข้าปล้นด้วย ประเภทสุดท้ายโหดหน่อยเป็นเหมือนเรือประมงทั่วไปแต่จะไม่จับปลาอย่างจริงจัง เรือประเภทนี้จะตระเวณหาปล้นเรือญวนอพยพเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายแก๊งและมีเรือหลายลำ
การหาเพื่อนร่วมแก๊งโจรนั้นไม่ยาก เมื่อเรือเข้าจอดตามสะพานปลาแล้ว จะมีพวกที่อยากรวยทางลัดมาติดต่อตามเรือลำต่างๆ เพื่อขอสมัครเป็นลูกเรือ โดยจะสอบถามกันตรงๆ เลยว่าเรือลำนี้หากินทางปล้นญวนด้วยหรือไม่ ถ้าพบเรือลำที่หากินทางปล้นและเป็นที่ถูกใจได้แล้ว พวกนี้ก็จะเข้าเป็นลูกเรือทันทีโดยไม่ขอรับเงินค่าแรงในการจับปลาแต่อย่างใด เพียงหวังส่วนแบ่งทรัพย์สินที่จะปล้นมาได้จากญวนอพยพเท่านั้น
เรือบางลำจะปล้นเอาแต่ทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะไม่ทำร้ายพวกญวนอพยพภายในเรือแต่อย่างใด เรือบางลำหลังจากปล้นเสร็จแล้วจะฉุดคร่าผู้หญิงที่หน้าตาดีติดมือกลับมาด้วย แล้วเอาผู้หญิงเหล่านั้นไปข่มขืนกระทำชำเรา หรือไม่ก็เอาไปประเคนพวกเจ้าใหญ่นายโตบางคน บางครั้งก็ส่งตัวไปให้กับพวกที่อยู่เฝ้าซั้งกลางทะเลไว้แก้เหงา (ซั้งหมายถึงที่ซึ่งชาวประมงสร้างขึ้นมากลางทะเลเพื่อล่อให้ปลาเข้ามารวม ฝูง) ผู้หญิงเหล่านั้นจะถูกบังคับให้ทำหน้าที่บำเรอกามและเป็นแม่บ้านหุงหาอาหาร ไปด้วย หลังจากเบื่อแล้วก็จะส่งตัวเข้าขายในซ่องแล้วหาชุดใหม่มาทดแทน หรือบางครั้งก็ฆ่าทิ้งทะเลไปเลย
เรือโจรสลัดบางลำเมื่อปล้นแล้วจะฆ่าเหยื่อทิ้งทั้งหมดอย่างไม่ปราณี ไม่เว้นแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง คนเฒ่าคนแก่ หรือผู้หญิง โดยจะใช้เวลาปล้นแบบมาราธอน คือเมื่อพบเรือของเหยื่อแล้วจะแล่นเข้าประกบและบุกเข้าปล้นทันที ใครแสดงอาการขัดขืนจะถูกยิงทิ้งเพื่อเป็นการข่มขู่ให้ผู้อื่นเกิดความเกรง กลัวไม่กล้าต่อสู้
จากนั้นจะโยงเรือของเหยื่อนำออกสู่น่านน้ำทะเลสากล ในระหว่างนั้นจะทำการปลดทรัพย์สินมีค่าจากตัวของเหยื่อทุกคน แล้วจะแยกประเภทของเหยื่อออกไว้เป็นกลุ่มๆ ถ้าเหยื่อเป็นพวกผู้ชาย เด็ก และคนแก่ จะถูกจับมัดรวมกันไว้ภายในเรือของเหยื่อนั่นเอง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงอายุตั้งแต่ประมาณ ๙ ขวบขึ้นไปจนถึงไม่เกิน ๔๕ ปี ก็จะถูกปืนจี้บังคับต้อนให้ขึ้นไปอยู่ในเรือของโจรสลัด ซึ่งผู้หญิงบางคนจะมีลูกอ่อนติดอกไปด้วย
เมื่อออกสู่น่านน้ำทะเลสากลแล้ว ความเหี้ยมโหดก็จะบังเกิดขึ้นในทันที เริ่มจากการยิงทิ้ง สังหารหมู่พวกผู้ชาย เด็ก และคนแก่ก่อน จากนั้นจะจมเรือของเหยื่อลงสู่ก้นทะเลเพื่อทำลายหลักฐาน
ความโหดยังไม่หมดเพียงเท่านั้นนะครับหัวหน้า พวกที่เข้าปล้นจะแย่งทารกออกจากอกของแม่ แล้วโยนเด็กทิ้งลงสู่ท้องทะเล เมื่อเด็กตกลงไปในน้ำจะไม่ค่อยจมลงในทันที คนขับเรือจะหันหัวเรือเข้าชนซ้ำ เลือดจะแดงฉานเต็มท้องทะเลไปหมด หลังจากนั้นรายการข่มขืนมาราธอนก็จะเริ่มต้นขึ้นในน่านน้ำทะเลสากลนั่นเอง บางครั้งใช้เวลาข่มขืนเหยื่อสาวชาวญวนเป็นเวลานานถึง ๑๐ วันก็มี เมื่อหนำใจกันดีแล้วก็จะฆ่าผู้หญิงเหล่านั้นทิ้งลงทะเลทั้งหมด แล้วจึงหันหัวเรือเข้าฝั่งเพื่อแบ่งทรัพย์สินกัน
สำหรับตัวผมนั้นเคยเข้าร่วมปล้นฆ่าเหยื่อเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ผมไม่ได้ข่มขืนใครเลยนะครับหัวหน้า ผมอดนึกถึงหน้าของลูกและเมียผมเองไม่ได้ เลยทำไม่ลง แต่คนอื่นๆ ที่เข้าปล้นต่างร่วมกันข่มขืนเหยื่อด้วยกันหมดทุกคน แม้กระทั่งไอ้พงษ์เพื่อนผมคนนี้ด้วย
เริ่มแรกมีเพื่อนมาชวนให้ผมออกหาปล้นญวนกลางทะเล ซึ่งผมเองก็ได้ข่าวมาแล้วว่ารายได้ในการออกปล้นนั้นดีมากจึงตกลงเข้าร่วม ด้วย อาวุธที่ใช้ปล้นผมใช้ปืนอาก้าซึ่งหาได้ไม่ยากเลยในสมัยนั้น หลังจากออกทะเลตระเวณหาเหยื่อมาได้ไม่นานก็พบเรือญวนอพยพลำหนึ่งซึ่งมีขนาด ไม่เบาเลยทีเดียว เมื่อบุกขึ้นไปบนเรือของพวกญวนได้แล้วปรากฏว่ามีพวกญวนอพยพอยู่ถึง ๕๐ กว่าคน เป็นหญิงและชายประมาณฝ่ายละครึ่ง ผมทำหน้าที่ใช้ปืนจี้เหยื่อให้อยู่นิ่งๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็ทำการคัดแยกผู้หญิงที่คิดว่าใช้การได้ต้อนส่งขึ้นเรือของพวกผม และช่วยกันทำการกวาดเก็บทรัพย์สินจากทุกคนที่อยู่ในเรือนั้น เสียงร้องไห้กระจองอแงเจี้ยวจ้าวไปหมด จนผมทนรำคาญไม่ไหวต้องยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าไปหลายนัด เสียงร้องจึงเบาลงไปได้บ้าง
หลังจากคัดแยกผู้หญิงเสร็จแล้ว ก็ช่วยกันจับผู้ชายมัดรวมกันไว้ภายในเรือของพวกอพยพ ส่วนพวกคนแก่และเด็กให้นั่งแยกออกมาต่างหาก โดยมีผมและพรรคพวกถือปืนคุมไว้อีกทีหนึ่ง เมื่อนำเรือออกมาถึงน่านน้ำสากลแล้ว พวกผมก็ตะโกนสั่งให้ผมยิงทิ้งพวกผู้ชาย เด็กและคนแก่ให้หมด
ครั้งแรกผมไม่กล้าที่จะยิง แต่เมื่อมองเห็นพวกของผมเริ่มยิงเหยื่อกันแล้ว ผมเห็นเลือดสาดกระจายเต็มไปหมดทั่วลำเรือ จึงเกิดอาการบ้าเลือดสาดกระสุนใส่กลุ่มคนเหล่านั้นบ้างอย่างไม่ยั้ง จนพวกอพยพถูกกระสุนล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วง โดยไม่สนใจเสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิตจากใครทั้งสิ้น
หลังเสียงปืนสงบก็เดินเข้าไปตรวจดูผลงานอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เห็นมีหลายคนที่ยังตายไม่สนิท พวกผมจึงใช้ปืนจ่อหัวยิงซ้ำจนแน่ใจว่าตายหมดแล้วทุกคน หัวหน้าเชื่อไหมครับ เลือดของพวกญวนไหลเจิ่งนองเต็มท้องเรือไปหมด เศษเนื้อ เศษสมอง เศษกระดูก กระจัดกระจายไปทั่วทั้งลำ จากนั้นพวกผมก็ช่วยกันเจาะท้องเรือ เพื่อให้เรือจมลงสู่ก้นทะเลพร้อมกับศพที่นอนตายกันอย่างกลาดเกลื่อน
เมื่อผมกลับขึ้นมาบนเรือของพวกผมแล้ว เห็นพวกผมบางคนกำลังโยนเด็กทารกทิ้งลงทะเล ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของแม่เด็ก พร้อมกับใช้ร่างของเด็กเป็นเป้าแข่งขันความแม่นของปืนกัน บางคนก็กำลังข่มขืนเหยื่ออย่างเมามัน ผมเองขณะนั้นทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องมาเห็นสภาพเช่นนี้ มีเพื่อนผมลากเด็กสาวคนหนึ่งมาส่งให้ผมเพื่อให้ข่มขืน แต่ผมได้ตอบปฏิเสธไปเพราะทำไม่ลง เพื่อนก็หัวเราะ และบอกว่าอีกหน่อยก็ชินไปเอง อย่าไปคิดอะไรมาก
ผมนั่งดูเขาลากผู้หญิงมาข่มขืนทีละคนสองคน ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกได้แล้ว ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นมีรอบเดือนมาพอดี พวกของผมโมโหมากถีบผู้หญิงคนนั้นจนตกทะเล และใช้ปืนยิงตามลงไปเพื่อฆ่าให้ตาย
พวกผมอีกคนหนึ่งข่มขืนเด็กผู้หญิงอายุประมาณ ๑๐ ขวบอย่างไม่ปราณีปราศรัย ผมเห็นเลือดของเด็กผู้หญิงคนนั้นทะลักออกมาเต็มไปหมด เมื่อพวกของผมข่มขืนเสร็จเด็กคนนั้นก็นอนสลบไปแล้ว จากนั้นก็อุ้มเด็กคนนั้นทิ้งลงทะเลไปเลยทั้งที่ยังสลบอยู่ ครั้งนั้นพวกผมใช้เวลาข่มขืนกันอยู่นานถึง ๓ คืน คนไหนดีหน่อย สวยหน่อยก็ตายทีหลัง คนไหนไม่ได้เรื่องหรือไม่สบอารมณ์โก๋ก็จะถูกฆ่าทิ้งโยนลงทะเลเร็วกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายเมื่อจะหันหัวเรือเข้าฝั่ง ผู้หญิงทุกคนก็ถูกยิงทิ้งทั้งหมด
จะเป็นคราวซวยหรือบาปกรรมที่ทำไว้กับพวกเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผู้หญิงสองคนจากในจำนวนทั้งหมดที่ถูกยิงทิ้งกลับไม่ตาย และสามารถลอยคออยู่ในกลางทะเลได้ถึง ๒ วัน จนกระทั่งมีเรือทหารผ่านไปพบเข้าและช่วยเหลือส่งตัวเข้ารักษาจนอาการปลอดภัย ซึ่งในตอนนั้นองค์การสหประชาชาติได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสาวญวนทั้งสอง โดยเร่งรัดให้ทางการไทยติดตามปราบปรามกลุ่มโจรสลัดให้หมดสิ้น
ผมและพรรคพวกอีกหลายคนรวมทั้งพงษ์ถูกตำรวจจับตัวมาได้ จากนั้นได้นำสาวญวนทั้งสองมาชี้ตัวพวกผม พอเห็นหน้าพวกผมเท่านั้น สาวญวนทั้งสองก็ร้องไห้พร้อมกับชี้หน้าด่าเป็นภาษาของเขา ก็สมควรแล้วครับ เพราะพวกผมทำกับเขาไว้มากมายเหลือเกิน พวกปล้นญวนกลุ่มอื่นๆ มีทั้งที่ถูกจับตาย ฆ่าปิดปากกันเอง และบางคนหนีรอดไปได้
เดี๋ยวนี้อดีตโจรสลัดที่เคยปล้นญวนบางคนกลายเป็นเสี่ยใหญ่ระดับจังหวัดที่มี ผู้คนนับหน้าถือตา บางคนกลายเป็นนักบุญที่มีเมตตาต่อผู้อื่นจนดังระดับประเทศไปเลยก็มี คนส่วนใหญ่คงไม่รู้ว่าเบื้องหลังของพวกนี้เคยเป็นฆาตกรโหดที่ข่มขืนและฆ่าคน ราวกับผักปลามาแล้วอย่างมากมาย ส่วนสาวญวนทั้งสองได้ข่าวว่าถูกส่งตัวไปอยู่ประเทศที่ ๓ แล้ว
คดีของพวกผมมีองค์การสหประชาชาติเป็นโจทย์ร่วมฟ้อง ทั้งหมดถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิตโดยไม่มีการลดหย่อนโทษให้ พอมาถึงชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พวกผมบางคนได้รับการลดโทษให้เหลือตลอดชีวิต แต่บางคนศาลตัดสินยืนให้ประหารชีวิตตามศาลชั้นต้นรวมทั้งผมและพงษ์ ในช่วงนี้ผมคิดว่าผมต้องตายแน่แล้ว แม้จะทำหนังสือถวายฎีกาฯ เพื่อขอลดหย่อนโทษไปก็ไม่น่าจะผ่าน
แต่ปรากฏว่าในปีนั้นมีการประกาศพระราชทานอภัยโทษครั้งใหญ่ ก่อนที่คำสั่งยิงเป้าพวกผมจะตกลงมา ผมและพงษ์เลยรอดตายอย่างหวุดหวิด ผมจะไม่ขอลืมพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้เลยจนชั่วชีวิต หากพ้นโทษออกไปได้เมื่อไรผมจะขอกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี และจะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้พวกเขาเหล่านั้น ถ้ามีโอกาสผมจะบวชให้เพื่อชดใช้กรรมที่ทำมา ผมติดคุกมาสิบกว่าปีแล้ว ได้รับอภัยโทษครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง อีกไม่นานผมคงได้กลับออกไปสู่โลกกว้างข้างนอก เข็ดจริงๆ ครับหัวหน้า ผมเข็ดจริงๆ
”
ข้าพเจ้าหันไปถามน.ช.พงษ์ “จริงอย่างที่ศักดิ์เล่ามาหรือเปล่าพงษ์ ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมกันมากขนาดนั้นเล่า ไม่เคยคิดถึงเรื่องบาปกรรมกันบ้างเลยหรือไง”
พงษ์พยักหน้ารับพร้อมกับตอบ “จริงครับหัวหน้า สมัยก่อนผมไม่เคยคิดถึงเรื่องบาปบุญคุณโทษหรอกครับ ขอให้มีเงินใช้จ่ายเป็นพอ ผมออกปล้นมาแล้วหลายครั้ง ฆ่าคนทิ้งทะเลมานับไม่ถ้วน บางครั้งยังเคยเจอเรือญวนที่ถูกปล้นไปก่อนหน้าแล้วก็มี เมื่อไม่ได้ทรัพย์สินได้ผู้หญิงก็ยังดี ผมเคยข่มขืนเด็กผู้หญิงอายุแค่ ๘ ขวบไปจนกระทั่งผู้ใหญ่อายุเกือบจะ ๖๐ ปี จนมองเห็นเลือดและความตายเป็นเรื่องธรรมดา
บางครั้งแค่ผู้หญิงญวนทำตัวไม่ถูกใจผมนิดหน่อยผมก็ฆ่าทิ้งแล้ว เมื่อผมถูกจับตัวได้และต้องเข้ามาชดใช้กรรมอยู่ในห้องขังนักโทษประหาร ผมถึงได้รู้ว่าความกลัวตายและการรักชีวิตของคนเรานั้นเป็นอย่างไร ยามที่ผมทำกับคนอื่นนั้นผมไม่เคยคิดสงสารมาก่อนเลย ทั้งที่เขาก็ต้องมีความรักชีวิตและมีความกลัวตายเช่นเดียวกับผม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมเชื่อว่าผมคงไม่กล้าที่จะฆ่าใครอีกเป็นแน่
ชีวิตผมมันเป็นชีวิตคนบาปครับ ไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติถึงจะชดใช้กรรมได้หมดสิ้น ทุกวันนี้ผมก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นแล้ว เดี๋ยวนี้เวลาผมนอนหลับ ภาพเหตุการณ์โชกเลือดมักจะมาปรากฏให้ผมเห็นในฝันอยู่เสมอ คนตายเหล่านั้นคงมาทวงถามความชอบธรรมจากผมเป็นแน่ ผมไม่น่าเป็นคนระยำอย่างนั้นเลย ผมเสียใจจริงๆ ครับ”
เรื่องราวต่างๆ ที่นักโทษทั้งสองเล่ามานั้น ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีใครคิดเอาเป็นแบบอย่าง ชีวิตของทุกคนย่อมมีค่า ไม่ว่าคนผู้นั้นจะผิวสีอะไรและมีเชื้อชาติใด กรรมใดที่ใครได้ทำไว้ จะต้องย้อนกลับมาสนองคืนสู่ผู้นั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เพจแฟนคลับ ยุทธ บางขวาง (อรรถยุทธ พวงสุวรรณ)
thaispygadget