"ชัย พิปูน" มือปืนผู้สังหารหญิงแม่ลูกอ่อน
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2546 เวลาประมาณ 18.25 น. ขณะที่นางพิมลดา อาษา อายุ 40 ปี อาจารย์ 1 ระดับ 5 วิทยาลัยสารพัดช่างกระบี่ กำลังให้นมบุตรสาววัย 15 วัน อยู่ที่บ้านใน ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่
ปรากฏว่ามีชายฉกรรจ์เดินเข้ามาหา แล้วชักปืนจ่อยิงที่ศีรษะทันที่ 1 นัด
...ปังงงงง!!!
นางพิมลดาทรุดฮวบลงนอนกองกับพื้น ขาดใจตายคาที่ โดยมีทารกแรกเกิดแนบอยู่กับอกแม่ที่วิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
จากนั้นมือปืนเหี้ยมก็ขึ้นรถที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่หลบหนีไป
ปล่อยให้ทารกซึ่งเพิ่งออกมาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
จากการสืบสวนของตำรวจพบว่ามือปืนที่ก่อเหตุรายนี้ชื่อ นายสมชัย ทองวิเศษ หรือ ชัย พิปูน อายุ 46 ปี
ส่วนเพื่อนที่พาหลบหนีชื่อ นายสุรศักดิ์ สุทธิ อายุ 32 ปี เพื่อนรุ่นน้องหมู่บ้านเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายสุรศักดิ์มาได้ ก่อนซัดทอดว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายสำราญ ช่วยส่ง หรือโกตุ๊ด อายุ 42 ปี ผู้กว้างขวางใน จ.กระบี่ และ นางสุพรรณี อาษา อายุ 44 ปี เป็นผู้จ้างวาน
สาเหตุเพราะนางสุพรรณี เมียหลวง โกรธแค้นที่สามีไปมีภรรยาน้อยคือ นางพิมลดา ผู้ตาย ถึงขั้นไปจดทะเบียนสมรสซ้อน และมีลูกด้วยกันที่เพิ่งคลอด
จึงไปปรึกษากับนายสำราญซึ่งรู้จักกัน ก่อนติดต่อว่าจ้างนายสุรศักดิ์ และนายสมชัย ให้ไปยิงทิ้งครูแม่ลูกอ่อนดังกล่าว
ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ว่าจ้างได้ทั้งหมด มีเพียงคนเดียวที่หนีรอดไปได้ ก็คือมือปืนผู้ลั่นไกสังหาร
เขาคือ “ชัย พิปูน”
นายสมชัยจึงถูกขึ้นบัญชีมือปืนรายสำคัญที่กองปราบปรามต้องการตัว ในอันดับที่24 ทันที
ตำรวจได้ออกสืบหาเพื่อตามล่าตัวนายสมชัยอย่างต่อเนื่อง และทราบข่าวว่านายสมชัยหลบซ่อนตัวอยู่บนยอดเขากะทูน และจะลงจากภูเขาเพื่อหาซื้อเสบียงขึ้นไปยังที่อาศัยเป็นระยะ
โดยแหล่งกบดานดังกล่าวนั้น เมื่อนายสมชัยรับงานฆ่าก็จะลงมาก่อเหตุ เสร็จแล้วจะหลบไปกบดานอีกครั้ง
ในทางการสืบสวนพบว่านายสมชัยยังรับงานฆ่าอีกราว 2-3 คดีในหลายท้องที่
วันที่ 20 ธันวาคม 2550 ช่วงเช้ามืด ที่บ้านเขากะทูน ต.กะทูน อ.พิปูน ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณ 55 กิโลเมตร
มีชายแปลกหน้าสองคนซ้อนรถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน จึงเป็นที่สนใจของคนในหมู่บ้านดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะนานๆทีจะมีคนต่างถิ่นแวะมาเยือนที่นี่
ชาวบ้านพากันมองชายทั้งสองอย่างสงสัยแล้วหันไปคุยกัน
“ไม่ใช่โจรก็ตำรวจล่ะวะ”
ชายแปลกหน้าดังกล่าวคือ พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย สว.กก.5 บก.ป. พร้อมลูกน้องคู่ใจ
“บ้านพี่ชัยอยู่ไหนครับลุง ” สารวัตรหนุ่มถามชาวบ้านละแวกนั้น
“เป็นอะไรกับไอ้ชัยมัน “
“อ๋อ..ผมเป็นเพื่อนรุ่นน้องเขาครับ”
"ไอ้ชัยมันขึ้นไปอยู่บนเขากะทูนตัดยางอยู่ที่นั่น นานๆจะลงมาข้างล่างสักครั้ง" ชาวบ้านป่าพูดจาประสาซื่อ
เมื่อได้เบาะแสข้อมูล พ.ต.ท.จอม และลูกน้องจึงขี่จักรยานยนต์มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาที่ชาวบ้านบอก
ระหว่างทางเจอชายต้องสงสัยรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับนายสมชัยที่พวกเขากำลังหา ตัวอยู่ สวมเสื้อกล้ามสีขาวตราห่านคู่ สวมทับด้วยเสื้อแจ๊คเก็ตสีกรมท่า นุ่งกางเกงวอร์มสีดำ สวมรองเท้ายางสีขาว และมีกระเป๋าคาดเอว 1 ใบ ขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อ ซูซูกิ รุ่นเบส สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสวนทางมา
“น่าจะใช่มันนะ มันไปตัดผมทรงสกินเฮดมา แต่ดูแล้วน่าจะใช่มันแน่”
พ.ต.ท.จอม กระซิบกับลูกน้องให้เตรียมพร้อม
“พี่ๆ หยุดก่อนครับพี่ ขอถามหน่อยครับ ทางนี้ขึ้นไปเขากะทูนหรือเปล่าครับ” สารวัตรหนุ่มถาม
ชายต้องสงสัยตอบสวนกลับมาว่า “ไม่รู้”
สายตาจ้องเขม็งมายังชายแปลกหน้าทั้งสองตลอดเวลา
สารวัตรจอมจึงยิงคำถามตรงๆไปว่า “พี่ใช่พี่ชัยหรือเปล่าครับ"
มือปืนอันดับที่24 ที่กองปราบต้องการตัวมากที่สุดไม่ตอบ แต่สัญชาติญาณการเอาตัวรอดบอกเขาว่า ทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน
มือขวาของนายสมชัยล้วงเข้าไปบริเวณเอว พร้อมชักโลหะสแตนเลส แวววาว ขนาด.38 เล็งมายังเจ้าหน้าที่ทั้งสองทันที
ตำรวจทั้งสองระวังตัวอยู่ก่อนแล้วจึงพุ่งตัวหลบเข้าป่าข้างทาง
เสียงปืนของนายสมชัยดังขึ้นสามนัดซ้อน “ปัง ปัง ปัง”
สารวัตรจอมและลูกน้องกระชากปืน 11 มม. ออกมาจากเอวแล้วยิงสวนไปทันที
“ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ๆ ๆ”
เสียงปืนดังลั่นสนั่นป่าเขาเป็นสิบนัดก่อนจะเงียบสงบลง
มือปืนชื่อดัง “ชัย พิปูน” นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ลำตัว แขนขา และอวัยวะเพศรวม 11 นัด ขาดใจตายคาที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายปลอดภัย
จบชีวิตเส้นทางมือปืนชื่อดังไปอีก 1 ราย
วิญญาณชั่วคงต้องลงไปชดใช้กรรมในนรกอีกยาวนาน