
ช่วงต้นเดือนเมษายน พ.ศ.2551 นายเทวา ฉิมมาลี อายุ 37 ปี ชาวตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ได้มาขอบวชเป็นพระที่วัดศรีสุก ต.ดอนช้าง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น เนื่องจากปัญหาครอบครัวซึ่งนายเทวาเคยมีเมียมาแล้วสามคน แต่ก็ต้องเลิกหมด โดยภรรยาคนแรกทนพฤติกรรมเจ้าชู้ของนายเทวาไม่ได้ จึงทิ้งนายเทวาไป หลังจากนั้นนายเทวาได้อยู่กินกับผู้หญิงอีก 2 คน ซึ่งทั้งสองคนมีพฤติกรรมคบชู้ นายเทวาจึงต้องเป็นฝ่ายหนีไปบวชเพื่อสงบจิตใจ
โดยได้ฉายาว่า “พระเทวา ธมฺมธีโร”
พระเทวาแม้จะเพิ่งบวชใหม่ แต่ก็มีความสามารถในเรื่องการเทศนาธรรม มีญาติโยมนิมนต์ไปเทศน์ในงานพิธีต่างๆบ้างพอสมควร จัดอยู่ในขั้น “พระนักเทศน์” รูปหนึ่งของพื้นที่
ที่วัดศรีสุกแห่งนี้ มีกำแพงติดกับศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ซึ่งมีพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กเล็กทำงานอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
หลังจากบวชได้ประมาณหนึ่งเดือน พระเทวาก็ได้รู้จักกับนางดวงเดือน กองโคตร อายุ 35 ปี ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในศูนย์รับเลี้ยงเด็กนั่นเอง ซึ่งนางดวงเดือนมีสามีอยู่แล้วชื่อนายนพวรรณ กองโคตร อายุ 38 ปี ทำงานเป็นคนงานโรงไม้ และมีบ้านอยู่ในตำบลดอนช้างใกล้กับวัด
ถึงแม้นางดวงเดือนจะมีสามีอยู่แล้ว แต่พระเทวาก็เกิดความรู้สึกหลงรักนางดวงเดือน ทั้งๆที่ตนเองก็ยังห่มผ้าเหลืองเป็นพระสงฆ์อยู่
พระเทวานำอาหารรวมทั้งของใช้ที่ได้จากการบิณฑบาตและญาติโยมนำมาถวาย มาให้นางดวงเดือนอยู่เรื่อยๆ จนมีการเขียนจดหมายถึงกัน
จดหมายรักเริ่มจากการทำนายความฝัน...
ในจดหมายบับนี้พระเทวาบอกนางดวงเดือนว่า เขาฝันว่าได้สร้อยคอทองคำ ซึ่งนางดวงเดือนตอบว่า เคยอ่านคำทำนายลักษณะนี้มาก่อน ถ้าฝันลักษณะนี้จะได้คู่ครอง และตนเองเคยดูดวงว่า สามีจะเสียชีวิตตอนอายุประมาณ 37 ปี และจะได้สามีใหม่ที่ชื่อขึ้นต้นด้วย "ท."
จดหมายที่พระเทวาเขียนจะยื่นข้ามกำแพงให้นางดวงเดือน ซึ่งนางดวงเดือนก็เก็บจดหมายทุกฉบับไว้ในห้องนอนไว้ดูต่างหน้า จนกระทั่งความรักสุกงอม ทั้งคู่ก็แอบลักลอบได้เสียกันเรื่อยมา
จากการเขียนจดหมายก็เริ่มมีการใช้โทรศัพท์ติดต่อนัดหมายกัน....
ในที่สุดนายนพวรรณสามีนางดวงเดือนก็จับได้ว่ามีผู้ชายโทรศัพท์มาหาเมียบ่อย จึงโทรศัพท์กลับหาผู้ชายคนนั้น จึงมีการทะเลาะกันทางโทรศัพท์ ถึงขนาดมีการขู่ฆ่ากัน โดยไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่มาติดพันเมียคือพระเทวา
พระเทวาจึงเดินทางกลับไปอยู่วัดบ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี บ้านเกิดของตน แล้วตระเวนออกเทศน์ตามงานพิธีต่างๆ เพื่อหาเงิน กระทั่งเก็บเงินครบจำนวน 7,000 บาท จึงนำมาซื้อปืนจำนวน 5,000 บาท และเงินที่เหลืออีก 2,000 บาท ใช้เป็นค่าเดินทางกลับมาที่ จ.ขอนแก่น
ซึ่งได้อ้างกับเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จ.อุทัยธานีว่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ จ.สกลนคร
แต่พระเทวามาปักกรดอยู่ที่ ต.ดอนช้าง เพื่อรอฆ่านายนพวรรณ...!!!
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 พระเทวาได้โทรศัพท์วางแผนร่วมกับนางดวงเดือน ลวงนายนพวรรณซึ่งมีความสามารถทางช่างไม้ด้วย โดยอ้างว่าจะจ้างให้ออกมาดูไม้เพื่อที่จะตัดและใช้ก่อสร้างกระท่อมบริเวณไร่ อ้อย ซึ่งพระเทวาได้ถอดผ้าเหลืองออกเปลี่ยนมาแต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไป
กระทั่งเวลา 17.00น. นายนพวรรณหลงเชื่อเดินทางมาพบพระเทวาตามจุดนัดหมาย...
เมื่อเจอกันแล้ว พระเทวาได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายนพวรรณเข้าไปในป่าอ้อย จากนั้นพระเทวาบอกให้นายนพวรรณชะลอความเร็วลง และได้ชักปืนออกมายิงเข้าที่หลังของนายนพวรรณจนเสียชีวิตทันที
จากนั้นใช้น้ำมันที่เตรียมมาด้วยราดไปบนร่างของนายนพวรรณ จุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี...
หลังจากลงมือสังหารโหดแล้ว พระเทวาขับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปทาง อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แต่น้ำมันรถหมด จึงได้เผารถจักรยานยนต์แล้วกลับมาสวมผ้าเหลือง ห่มจีวร เพื่ออำพรางเป็นพระภิกษุ หลบหนีไปขอพักอยู่ที่วัดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ 2 วัน จากนั้นได้หลบไปอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ม.1 ต.ขัวก่าย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
หลังเกิดเหตุ ตำรวจพบว่านายนพวรรณไม่มีเหตุขัดแย้งกับใคร แต่อาจมีปัญหาเนื่องจากภรรยานายนพวรรณเป็นคนหน้าตาดี และมีผู้ชายมาติดพัน จึงมุ่งการสอบสวนไปในประเด็นชู้สาว
จึงเริ่มตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของนางดวงเดือนภรรยาผู้ตาย ก็ทราบว่าในวันที่ 28 และ 29 พ.ย.51 นางดวงเดือนได้โทรศัพท์ถึงสามีหลายครั้ง และมีรายการโทรศัพท์ที่ต้องสงสัยอีกหมายเลขหนึ่งที่ติดต่อกันในช่วงเวลาดัง กล่าว นอกจากนั้นยังพบว่าหมายเลขดังกล่าวมีการโทรหานายนพวรรณผู้ตายก่อนเกิดเหตุ
เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของนายเทวา ฉิมมาลี หรือ พระเทวา ธมฺมธีโร ชุดสืบสวนจึงมั่นใจว่าคนที่ลงมือฆ่านายนพวรรณ คือ พระเทวา
ต่อมาตำรวจได้ขออนุมัติหมายศาลค้นบ้านนายนพวรรณที่นางดวงเดือนอาศัยอยู่ ผลการตรวจค้นพบจดหมายรัก 4 ฉบับ ที่พระเทวาเขียนพรรณนาถึงความรักที่มีต่อนางดวงเดือน ทั้งๆที่รู้ว่านางดวงเดือนมีสามีแล้ว
เนื้อหาในจดหมายฉบับหนึ่งเขียนถึงความรักที่มีต่อคนที่มีสามีอยู่แล้ว ในเชิงน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชควาสนา จะหนีก็หนีไม่ได้ “เพราะใจเราผิดเองวิ่งไปขอเป็นทาสเขา" และจบด้วยข้อความว่า "อะไรจะเกิดก็ให้เกิด"
หลังก่อเหตุแล้ว พระเทวายังโทรศัพท์ติดต่อนางดวงเดือน ทำให้ทราบว่าพระเทวาหลบหนีไปอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ทำทีเข้าไปขอพบพระเทวาที่วัดโพธิ์ชัยเพื่อถวายนม
เมื่อถวายนมเสร็จก็ถามพระเทวาว่า "หลวงพี่เป็นคนที่ฆ่านายนพวรรณใช่มั๊ย"
เมื่อได้ยินคำถามพระเทวาถึงกับหน้าถอดสี สะดุ้งสุดตัว แล้วจะกระโดดออกจากกุฏิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรั้งสบงไว้ และทำการควบคุมตัวมาสอบสวน โดยให้เจ้าอาวาสวัดทำการสึกให้เป็นที่เรียบร้อย
นายเทวารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.....
พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ระหว่างการสอบสวนนายเทวาและนางดวงเดือน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 นั้น ทั้งนางดวงเดือนและนายเทวา ผู้ต้องหาไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้าเสียใจต่อการกระทำของตนเองมากนัก โดยทั้งคู่ต่างกอดรัดกันกลมไม่ยอมห่าง แสดงความรักที่มีต่อกันอย่างเปิดเผย และยังมีการป้อนข้าวป้อนน้ำกันในห้องสอบสวนอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทั้งสองต่างให้สัญญากันไว้....
ไม่ว่าจะติดคุกนานสักเท่าไหร่ เมื่อพ้นโทษออกมาก็จะกลับมาครองรักกันเช่นเดิม...!!!
ขอขอบคุณข้อมูล จากเพจ ยุทธ บางขาวง2
thaispygadget