ไฟป่ากำลังลุกโชนห่างออกไปอีกสันเขา เส้นสีส้มเป็นแนวยาวพาดผ่านป่าดูดุจประดับประดาด้วยแสงไฟ ฤดูนี้ไฟป่ามักเกิดขึ้นทั้งฝีมือคนและฝีมือธรรมชาติ
หนึ่งทำลายเพื่อสร้าง อีกหนึ่งสร้างเพื่อทำลาย!!
ผมหยุดพักสูดลมหายใจที่มีกลิ่นควันปนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามคนนำทางว่าไฟป่าจะไม่มาทางนี้แน่ๆ
“ไม่มาหรอกพี่ ลมตะวันออกพัดแรงอย่างนี้ไฟมันไปทางโน้น ยกเว้นมีไอ้บ้าบางคนจะจุดไฟเผาป่าตรงเชิงเขาใต้เราลงไป”
“แล้วถ้าไฟมาทำไง”
“วิ่งดิ” .......
หลังจากเดินฝ่าความมืดมาอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง คนนำทางก็บอกให้ผมทราบว่าเราได้มาถึงที่หมายแล้ว แต่ที่หมายที่ว่ามันไม่ได้เหมือนกับที่ได้ยินได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่ามาก่อน
“อ้าว เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า”
ผมแซวออกไปเป็นทำนองเพลง
“คือตอนนี้มันค่ำมากแล้วพี่เราใช้เวลาเดินนานกว่าที่คิดไว้ กว่าจะเดินไปถึงริมน้ำ ก็อีกตั้งไกล ตั้งแคมป์นอนมันตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมก่อไฟทำอาหารพักเหนื่อยสักหน่อยเดี๋ยวก็ออกสำรวจได้เลย” เต้ยว่า
“เส้นทางสายนี้ คนเก่าแก่เค้าเล่าว่ามันเป็นเส้นทางเดินทัพ ของพวกญี่ปุ่น คงจะเอาไรมาซ่อนไว้ละมัง แม่ยังทันเห็นอยู่ว่ามีพวกคาราวานแบกเอาหีบลงมา มีคนถือปืนคุ้มหน้าคุ้มหลัง เดินลงมากจากเขา แม่เดินไปดูตอนหลังเห็นแต่รอยขุดเต็มไปหมด มีรอยเป็นช่องๆแนวนอนเหมือนชักเอาอะไรออกไปด้วย ไม่ไกลจากบ้านก็มียอดเขาลูกน้อยๆ มีมีด มีดาบงี้ปักเต็มพื้นไปหมด ตรงกลางก็มีหินกองๆเหมือนเตาไฟ คงจะเป็นที่ตีมีดของคนโบราณละมั้ง ว่างๆพวกเอ็งก็ไปสำรวจดูกัน แม่ไปไปหรอกนะแม่กลัว ชาวบ้านเค้าก็กลัวกัน แถวๆนั้นบางคืนก็มีคนได้ยินเสียง ช้างเสียงม้า ยังกับว่ามีกองทัพสมัยโบราณเดินผ่าน เออ! แม่เคยไปเก็บของเห็ดแถวนั้นยังเคยเก็บได้แผ่นทองเลยนะ แต่ตอนนี้ขายกินไปแล้วล่ะ”
ว่าจบแม่เต้ยก็หัวเราะร่วน
เสียงเปาะแปะดังจากฟืนในกองไฟที่กำลังลุกโชน ผมจ้องมองกองไฟคิดถึงคำพูดแม่เต้ยในวันนั้น เต้ยรินน้ำร้อนออกจากกาช้าๆลงถ้วยมาม่า ไอร้อนลอยพาเอากลิ่นโชยไปไกล อยู่ในเมืองเราคงไม่ได้พิศวาสโหยหาอยากจะกินมันเท่าไหร่ แต่ในป่าแบบนี้มันช่างเย้ายวนชวนลองเสียเหลือเกิน ผมรับเอามาม่าถ้วยร้อนมาอย่างระวัง ค่อยๆจิบช้าๆ อย่างละเลียดในขณะที่อีกสองคนข้างๆ ซัดโฮกๆแล้วโยนถ้วยเขากองไฟ
“พรุ่งนี้มึงจะใช้อะไรใส่ของกิน”
เต้ยพุ่งพรวดเตะเอาแก้วมาม่าคัพออกจากกองไฟ หลังจากเสร็จมื้อค่ำเป็นที่เรียบร้อย เต้ยถามผมว่าอยากออกเดินสำรวจรึเปล่า ผมถามว่าไกลมั้ย เต้ยบอกว่าเรานอนทับเล้ย ผมส่องไฟกวาดไปในความมืด เห็นเข้าก็คงจะจริงอย่างที่มันว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นยอดเขาในกลุ่มเขาที่มีมากมายคนานับ
พื้นราบมีไม่มากเท่าไหร่น่าจะไม่ถึงไร่ แต่สิ่งที่แปลกตาไปเห็นจะเป็นหลุม หลุมที่กระจายตัวอยู่ทั่วที่ราบตรงนี้ คร่าวๆไม่น่าต่ำกว่า 10 หลุมเห็นจะได้ บางหลุมตื้นบางหลุมลึก แต่ดูสภาพก็เป็นหลุมที่ถูกขุดมานานแล้วน่าจะหลายปี ผมจัดแจงลงมือประกอบเครื่องตรวจจับโลหะ เอทีโปรคู่ใจ
ผมให้เต้ยกับแฟนยืมใช้ Quest Q40 เครื่องสำรองของผม
“อ้าว ท่อนกลางหายไปไหนวะ” ผมบ่น
หลังจากรื้อกระเป๋าจนหมดจนเห็นเป็นแน่แล้วว่า มันได้อันตรธานหายไปแล้ว ก็ได้แต่ทำใจใช้เครื่องแบบพิการๆไปแบบนั้น
เราใส่ไฟคาดหัวออกเดินสำรวจรอบๆ ลองแกว่งเครื่องดูแถวๆปากหลุมบ้างก้นหลุมบ้าง ส่วนใหญ่เป็นเศษสำริดสีเขียวขนาดไม่ใหญ่มาก กระพรวนขนาดต่างๆที่ดูแล้วค่อนข้างสมบูรณ์ ผมนึกแปลกใจพวกญี่ปุ่นมันไปเอาของแบบนี้มาจากไหน แล้วทำไมต้องเอาของพวกนี้ขึ้นมาฝังถึงที่นี่ ป่าตอนนี้ต้นไม่มีแต่กิ่งก้านพื้นก็โล่งๆไม่มีวัชพืชเกะกะมากนัก เดินอยู่นานจนไม่คิดว่าจะมีทองโกโบริเหลืออย่างคำบอกเล่าเสียแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะดึกมากแล้วน้ำค้างเริ่มลง
ผมขอตัวกลับแค้มป์ เต้ยบอกว่าตามสบายเดี๋ยวจะเดินต่ออีกหน่อย