“ฮัลโหลพี่…. ผมไปดูที่มาแล้วนะครับ แต่ยังไม่ได้ลงเดินสำรวจเพราะว่าตอนเข้าไปเจอคนนอนอยู่ที่ห้างนา ก็เลยวกรถออกมาเลย สงสัยปุ้ยจะส่งข่าวผิด บอกว่าไม่มีคนเฝ้าที่ไหนได้ เขานอนกางมุ้งอยู่บนห้างนาตอนผมเอารถเข้าไป เขายันตัวลุกขึ้นมาดูผม เดี๋ยวผมไปเคลียกะปุ้ยที่บ้านแค่นี้นะพี่”
สายสนทนาตัดไป ผมปิดหนังสือในมือ วางลงบนชั้นที่เก่า ในใจพลัน คิดว่าคืนนี้คงจะต้องเสียเวลาฟรีๆไปอีก 1 คืนแน่ๆ เพราะความผิดพลาดของคนสำรวจพื้นที่ แต่อีกใจนึงก็แอบโล่งใจว่าอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องมีปัญหากับใคร
ชั่วโมงผ่านไป โทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับเบอร์ที่ไม่คุ้น ผมกดรับสาย
“ฮัลโหลพี่ ผมปุ้ยนะ ผมเคลียร์กับเจ้าของที่ไว้หมดแล้วเขาอนุญาตให้เราหาได้เต็มที่และยืนยันว่าไม่มีคนเฝ้า ไอซ์มันคงตาฝาด
(“ฝาดพ่อมึง” เสียงแทรกเข้ามาในสาย) ผมหัวเราะก๊าก
“เดี๋ยวผมจะพาไอซ์ไปลงก่อน แล้วพี่ตามมาเด้อ” ผมตอบ เอ้อ พร้อมวางสาย
ไม่นานนักผมก็ขับรถมาถึง บริเวณที่ ปุ้ยได้แชร์พิกัดมาให้ผม ผมไม่มั่นใจนักว่าผมมาถูกที่ เพราะมันคือทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรขนาดยักษ์ไฟสว่างโร่ ต่างกับที่ ไอซ์ กะปุ้ยได้บรรยาเอาไว้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา ปุ้ยอีกครั้ง
“พี่จอดรถตรงนั้นรึเปล่า ผมเห็นอยู่ นี่ๆผมกระพริบไฟใส่พี่อยู่ ลงมาเลย”
ถ้าไม่สังเกตดีๆคงมองไม่เห็นว่า ก่อนจะถึงป้อมยามของหมู่บ้าน มีทางดินแยกลงข้างทางเล็กๆอยู่ ผมเลี้ยวรถออกจากทางหลักมุ่งหน้าเข้าสู่ท้องนาทางไฟที่ส่องมา
“เนี่ยนะ ห้างที่เจอคนนอนอยู่ ”
ผมถามไอซ์ให้แน่ใจเพราะถึงแม้ห้างจะมีมุ้งกางอยู่จริงๆแต่สภาพดูแล้ว โทรมกว่าที่หมาจรจัดนอนเสียอีก ห้างพักนอนที่เจอเหตุการณ์ประหลาด
“ไฟรถผมส่องเต็มๆพี่ ตาไม่ฝาด วกรถเกือบไม่ทัน” ไฟท์ตอบ
คืนนั้นเป็นคืนที่ทุกคนสนุกมากกับการเดินเครื่อง มีของเก่าๆชิ้นเล็กและใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่ว ทำให้เราได้ลุ้นและได้เหนื่อย รวมทั้งได้ชื่นชมกับของที่ขุดได้ ไม่นานนักผมเครื่องผมตรวจจับสัญญาณที่มีขนาดใหญ่มากอยู่ใต้พื้นดินลึกลงไป ในตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นผานรถไถหรือไม่ก็ปี๊บ แต่พอขุดลงไปได้ประมาณ 30 เซ็นฯ ผมลองเอาเครื่องสแกนดูอีกที
ครั้งนี้มันทำให้ผมตื่นเต้นมากเพราะสัญญาณที่ได้ผมมั่นใจว่าไม่ใช่เหล็กแน่นอน
ผมขุดลงไปอีก จนกระทั่งพลั่วผมกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างเบาๆ ดังแก๊ก ผมมันใจว่าขุดมาถึงแล้วแน่นอน ผมนั่งลงใช้มือแหวกเอาเศษดินออก สิ่งที่โผล่มานั้นคือขอบของภาชนะบางอย่างขนาดใหญ่ ด้วยประสบการณ์ผมรู้ทันทีว่า เราเจอของดีแล้ว
ผมลุกขึ้นผิวปากเรียกรวมพล
ทั้งสองวิ่งฝ่าความมืดมาอย่างรวดเร็ว ปุ้ยและไอซ์ช่วยกันเปิดหลุมอย่างขยันขันแข็ง ไม่นาน โอ่งดินใบขนาดไม่ใหญ่นัก ก็เผยโฉมให้เราได้เห็น เราไม่รอช้าใช้ความพยายามทั้งหมดเอามันขึ้นมาโดยไม่ให้มันเสียหาย ในนั้น มีชามสำริด 5 ใบ จานและถ้วยหมิง อีก 7 ใบ โอ่งดินที่บรรจุสมบัติกำลังจะถูกนำขึ้นมา
เราดีใจกันมาก โดยเฉพาะไอซ์ ถึงหลุดปากว่า รวยแล้วววว เราเอาทุกอย่างเก็บไว้ในรถ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปเดินกันต่อ เชื่อมั้ย ไม่นานนักผมเจอสัญญาณแบบเดิมอีก ผมเรียกรวมพลอีกครั้ง ครั้งนี้หลุมใหญ่กว่าเดิมมาก ของที่ได้ก็เยอะกว่าเดิมมาก สีหน้าทุกคนดูพึงพอใจกับผลงาน เราขุดกันจนเพลินจนลืมดูเวลา นี่ก็เที่ยงคืนนิดๆแล้ว เช่นเดิมผมเอาทุกอย่างขึ้นรถ ถ้วยราชวงค์และชามสำริด
เราแยกย้ายกันไปขุด ในขณะที่ผมกำลังสาละวนกับหลุมใหม่ที่ผมเจอ ไอซ์เดินฝ่าความมืดเข้ามาหาเงียบๆ
“พี่ๆ มันมีคนมาซุ่มดูเราอะ”
ผมถามว่าตรงไหน
“ตรงปุ้ย”
ผมสั่งไอซ์ให้ขุดต่อ ก่อนที่จะเดินไปหาปุ้ย ปุ้ย วิ่งก้มๆเหมือนหลบอะไรบางอย่างเข้ามาหาผม
“พี่ๆ นู่นๆ มองเห็นไม๊ ตรงต้นไม้แห้ง ริมถนน เงาดำๆ มันกำลังนั่งอยู่ เมื่อกี้มันเดินไปนั่งตรงนั้น ผมเลยวิ่งมาหาพี่”
หมารึเปล่าดูมันเล็กๆนะ แถมรูปร่างแปลกๆ หรืออาจจะเป็นคนมันอยู่ริมถนน ไฟถนนสีส้มมันส่องมาทางเราเลยดูเป็นเงามืดๆ
“คนแน่นอนพี่”
ปุ้ยยืนยันเสียงแข็ง ผมกำลังจะอ้าปากถามต่อ ทันใดเงามันก็ยืดตัวเหมือนคนลุกขึ้น
“เห็นมั้ยพี่ คน”
แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เพราะเห็นไม่ชัดนัก ระยะจากจุดที่เรายืนอยู่ก็ห่างไปราวๆ 200 เมตร จู่ๆเงานั้นก็เคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชักไม่ดีแล้วผมคิดในใจ จังหวะเดียวกับที่ไอซ์เดินมาพอดี ผมสั่งทุกคนขึ้นรถ เพราะไม่อยากเสี่ยงกับอะไรทั้งนั้น ระหว่างขึ้นรถสายตาก็จับจ้องไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามา แต่น่าแปลกนาผืนนั้นเต็มไปด้วยโคลน แต่เงากลับเคลื่อนผ่านได้อย่างรวดเร็ว แถมรูปร่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นเงาดำที่ดำกว่าความมืดรอบๆ ผมเริ่มมั่นใจว่ามันไม่ใช่คน
“เอาเลยมั้ยพี่ เราสาม มันหนึ่ง”
ปุ้ย เตรียมปะฉะดะ แต่ผมบอกว่าวันนี้ไม่เหมาะ เรามีของเยอะเกินไป ไปก่อนดีกว่า ปุ้ยพุ่งออกไปคันแรก พร้อมส่องไฟฉายหาบุคคลต้องสงสัยไปในตัว ผมตามออกมาเป็นคันสุดท้าย เมื่อถึงบ้าน เราเอาข้าวของที่ได้มาล้างทำความสะอาด และคุยกันถึงเรื่องนี้ทั้งคืน เราสามคน ลงความเห็นกันว่าที่เราเห็นนั้น ไม่ใช่คน
ด้วยความที่พื้นที่ดีมาก เราจึงตั้งใจกลับไปอีก คืนนี้จัดทีมชุดใหญ่ ถึง 7 คน ตอนที่กำลังจอดรถรอพรรคพวก ปุ้ยและอาจารย์ท่านนึงได้สังเกตเห็นว่า ตรงห้างนามีคนสูบบุหรี่อยู่ ไฟแดงวาบๆ ตามจังหวะดูด ปุ้ยกับอาจารย์จึงลงความเห็นว่า นั่นอาจเป็นเจ้าของหรือคนเฝ้านา คงจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากเราได้รับอนุญาติทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปจากจุดจอดรถตรงไปยังห้างกลางนา แต่เมื่อไปถึงทั้งคู่ก็ต้องประหลาดใจเพราะตรงนั้นไม่มีใครอยู่เลย มีแค่มุ้งเก่าๆที่สะบัดตามลม คืนนี้ได้ของอีกหนึ่งหลุมแต่เป็นเหล็กทั้งหมด ไม่ได้มีค่าอะไรมากนักและพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกสำรวจจนหมดสิ้น เราจึงตัดสินใจว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก
อาทิตย์ถัดมาหลังจากได้เงินจากการขายของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราได้ทำสังฆทานให้แก่ผู้ล่วงลับและสัมภเวสีที่เฝ้าอยู่ ในขณะที่เรากำลังกรวดน้ำ
ก็มีลมกรรโชกแรงโหมใหญ่และสงบลงอย่างรวดเร็วหลังกรวดน้ำเสร็จ ดุจจะบอกเราว่าได้รับรู้แล้วซึ่งผลบุญ
ปล.ภาพและตัวละครเป็นเรื่องสมมุติที่เเต่งจากประสบการณ์จริง
ผู้แต่ง : อฆรรค ประยูรวงศ์
Author : Anak Prayoonwong