หลังจากข้าวมื้อแรกผ่านไป ผมอาสาที่จะขออาบน้ำชำระร่างกายเป็นคนแรก มืดๆอย่างนี้ ในป่าแบบนี้ แก้ผ้ามันซะเลย น้ำลำธารใจกลางป่ามันช่างเย็นสดชื่นเหลือใจ ผมดำผุดดำว่ายในความมืดอยู่เป็นพัก จนกระทั่งมีแสงไฟคาดหัวสามสี่ดวง ส่องวอมแวมตรงมาทางผมแต่ไกล พี่นัท พี่ยิ่ง พี่เอี่ยว และคุณลุง เดินทวนน้ำขึ้นมาซึบซับ สอบถามได้ความว่า จะไปหากับข้าวมาสำรองสำหรับ สองสามวันข้างหน้า ผมเหลือบเห็นลุงสะพายปืนติดไปด้วย
“เอาแน่ๆคืนนี้เอาแน่ๆ ไม่กวางก็เก้งละวะ ป่าพม่าแบบนี้ชุมนัก รอยเท้ามีให้เกลื่อน”
ผมคิดในใจ ผ่านไปไม่นานนัก ทั้งสี่กลับมา พร้อมผักกูดป่าเต็มกำมือ
ไปกันมั้ย! เสียงใครบางคนเอ่ยฝ่าความมืด
ไปไหน! เสียงใครบางคนตอบ
ผมเลยแทรก ป่ะ!
ทุกคนลุกขึ้นจากเปลของตัวเองแต่งตัวแต่งความพร้อม คนมีปืนคว้าปืน คนมีเครื่องคว้าเครื่อง คนมีจอบเสียมพลั่ว ก็คว้ากันเอาตามแต่ถนัด ว่าแล้วก็เปิดไฟฉายเดินตามกันไปเป็นขบวนมุ่งหน้าตามทางน้ำ ไม่นานนักผมก็มาถึง บริเวณที่มีหลุมขุดอีก เราเปิดเครื่องทดลองเหวี่ยงๆตามหลุมที่ขุดไว้อยู่แล้ว
ไม่นานนัก เจ้า อีควิน็อคคู่ใจของผมก็ส่งเสียงคราง ออดๆก่อนใคร ผมขุดตื้นๆเพื่อเปิดหน้าดิน และพบเข้ากับเศษสำริดโบราณ ที่คิดว่าน่าจะเป็น ขัน หรือ ถ้วย เพราะมีการสลักลายอย่างสวยงาม และเนื้อค่อนข้างหนา ไม่นาน 400i ของบอลก็เจอเข้ากับ เศษสำริดอีกชิ้นห่างออกไปไม่ไกล ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชิ้นเดียวกับที่ผมเจอก่อนหน้าเล็กน้อย จากนั้นพักใหญ่ๆ 400i สองเครื่องและ อีควิน็อค ก้อไม่เจออะไรอีก
จนกระทั่งอีควิน็อคของผม ส่งเสียงที่ก้นหลุมนึง เสียงดังจากการแกว่งข้างเดียว ทำให้ผมรู้ว่าต้องเป็น เหล็กชิ้นใหญ่ ผมเปิดหน้าดินออก เอาพ๊อยเตอร์จิ้ม ก็ไม่มีสัญญาณ ลึกแน่ๆ ใจผมคิด ผมเรียกพี่ยิ่งมาช่วยขุด ทุกคนเดินตามมาโดยอัติโนมัติ ผมแจ้งตำแหน่งแก่พี่ยิ่ง และแกก็ลงมือขุดด้วยความรู้งาน
หลังจากเปิดหน้าดินออก สามสิบถึงสี่สิบเซ็นฯ ผมส่งพ๊อยเตอร์ให้พี่ยิ่ง พี่ยิ่งเปิดแล้วจิ้มๆไปตามก้นหลุม ในที่สุดก้อเจอบริเวณที่เหล็กชิ้นนั้นอยู่ แต่ที่น่าตื่นเต้นก็คือ พ๊อยเตอร์ส่งสัญญาณเป็นแนวแคบยาว เราทุกคนยิ่งตื่นเต้นไปอีก
ดาบ! หอก! กระบองหงอคง! เพลารถไถ!
เดากันไปสนุกปาก แต่หวังใจว่ามันจะคือสิ่งที่ทุกคนเหนื่อยเพื่อตามหา ในที่สุดเราก้อได้ยินเสียงพลั่วกระทบโลหะเบาๆ พี่ยิ่งเปิดดินออกด้วยความระมัดระวัง ทุกคนต่างลุ้นทำไม้ทำมือดุจกำลังโกยดินด้วยมือตัวเอง
“มันกลมว่ะ กลมเลย ยาวด้วย”
พี่ยิ่งเงยหน้าบอกเรา ทำเอาเราลุ้นไปตามๆกัน พี่ยิ่งเร่งมือเปิดหน้าดิน แต่เหมือนจะไม่ทันใจวัยรุ่นใจร้อน ลุงโดดพลุบลงในหลุม
“มานี่ กูเอง”
ว่าแล้วก็ฉวยพลั่วเปิดหน้าดินแกรกๆ ไวไม่แพ้เด็กรุ่นลูก แล้วในที่สุด ลุงก็ประคองมันด้วยสองมือแล้วชูขึ้นให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน ทุกคนส่งเสียงอื่ออ่า ก่อนจะมีใครบางคนส่งเสียงอันดังว่า
“ฉิบหาย ลูกซอง” ทุกคนปล่อยฮาอย่างไม่เกรงใจ
การขุดในคืนแรก เป็นอันจบลงเพียงตรงนี้ กลับถึงแค้มป์ ผมหมดแรง ปีนเข้าเปล แต่ก่อนสติจะดับวูปลง หูยังคงได้ยินเสียง พี่ๆคุยกันว่าจะออกไปหากับข้าวกันอีกครั้ง
“เอาวะไม่ได้ของ ได้แดกเก้งกวางก็ยังดี” พลันทุกอย่างก็มืดดับไป
ตะวันสายโด่งแทงแสงผ่านพุ่มไผ่ปลุกผมให้ตื่นขึ้น ควันลอยปกคลุมต่ำๆไปทั่วบริเวณทำให้เห็นแสงที่แทงลอดลงมากเป็นลำชัดเจน สวยไปอีกแบบ เช้านี้ผมเห็นพื้นที่ได้ถนัดมากขึ้น มันคือป่าไผ่ขนาดใหญ่ที่ขึ้นตามเขาสูงที่ขนาบเราไปทั้งสองฝากน้ำ มองขึ้นไปบนไหล่เขายังเห็นร่องรอยหลุมศพได้ชัดเจน
“มันจะมีหินก้อนกลมหย่ายยยยยยย หย่ายยยยมาก กลิมดิ๊กเลย ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแน่ แถมยังมีเจดีย์อีก” ลุงเล่าในขณะที่เรานั่งล้อมกองไฟดื่มกาแฟเช้า
“เจดีย์ก็ใหญ่ น่าจะเกือบ 10 เมตรได้เลย แต่ต้องเดิน 2 วัน” พี่นัทเสริม
“พี่เดินกันสองวัน ผมไม่ 3 ถึง 4 วันเลยรึ” ผมถาม
ทุกคนเงียบไป เพราะต่างรู้ดีว่าเส้นทางที่ผ่านมา ลุงบอกว่าเดินสองสามชั่วโมงถึง แต่เราไม่รีบใช้เวลาไปรวมๆถึง 7 ชั่วโมง
“เออว่ะ แต่เมื่อคืนนี้กูลุ้นชิหายเลยว่ะ กำลังหากับข้าวอยู่ดีๆ จะเอ๋พวกป่าไม้ หรือทหารพม่านี่ล่ะ มันมาเป็นกองทัพเลย กุเลยต้องปิดไฟเดินลุยป่ากลับแค้มป์ สะดุดหน้าคะมำ ไอ้เอี่ยว ไอ้ยิ่ง ยิ่งไปกันใหญ่ เดินตีนเปล่ามืดๆ ร้องโอ้ยอ๊ายตลอดทาง”
“ทะหงทะหารอะไรเล่าลุง โอ๊ยย ปอดแหกไปเอง”
“เอ้า ก็กูเห็นกับตา ไฟฉายมันนี่นะ วูปวาบวูปวาบเต็มไปหมด ดีนะกูตาไว ความจำดี พาพวกมึงกลับมาได้เนี่ย”
“โอ้ยลุง ผมนะยืนรอซุ่มมืดดูพวกมันให้แน่ใจ จะได้รู้ชัดๆไปเลยใครเป็นใคร”
“อ้าวแล้วมันเป็นใครวะ”
“กะเหรี่ยง ตกปลาสองคน” พวกเราหัวร่อกันหงายท้อง
กับข้าวป่าในเช้านั้น จึงไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีก นอกจากกบป่าตัวดำใหญ่ที่จับได้ที่ลำธารใกล้แค้มป์ หลังจากข้าวราดม่ามารสกบ ลงไปนอนอยู่ในท้องทุกคนเราก้อแต่องก์ทรงเครื่องชุดใหญ่ เดินทางไปยังบริเวณขุดอีกครั้ง
แต่น่าแปลก พี่นัทเล่าว่า เมื่อก่อน คนแถวนี้ขุดเอาแต่ถ้วยสังคโลก พวกโลหะสำริด หรือเครื่องประดับอื่นๆจะถูกทิ้งไว้เกลื่อนบริเวณ พี่นัทรับปากเป็นมั่นเหมาะว่า ไม่เคยมีใครเอาเครื่องเข้ามาเดินที่นี่แน่ๆ แต่จากที่เราเห็นกัน มันไม่มีอะไรถูกทิ้งไว้เลย ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ผมเดินหลงไปในป่าคนเดียว มองเห็นหลุมน้อยใหญ่ทั่วบริเวณ กว้างและไกลสุดสายตา กว่าจะรู้ตัวอีกที ทุกคนก็หายไปหมดแล้ว
ผมเดินลงจากเนินช้าๆมุ่งหน้าขึ้นลำธารไปเรื่อยๆ พลางก็ก้มมองหารอยเท้าที่ทุกคนเดินผ่าน แต่ก็ไม่พบ แต่เหมือนหูจะได้ยินคนคุยกันอยู่ไกลๆ ผมตะโกน พี่เอี่ยว พี่นัท ดังๆ แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ผมตัดสินใจเดินกลับแค้มป์เพราะรู้ดีว่าถ้าฝืนเดินต่อไปมีแต่จะหลงป่า
ในขณะที่กำลังเดินกลับ พลันก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังขุดดิน ปึก ปึก ผมเพ่งมองผ่านกอไผ่ เห็นพี่เอี่ยวยืนง้างจอบอยู่ไกลๆ ผมเร่งฝีเท้าไปทันที ผมเอ่ยถามว่าเจออะไรกันรึ คำตอบที่ได้ก็ไม่แปลกใจนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องไม่เจออะไร แล้วพี่เอี่ยวขุดอะไรอยู่ผมสงสัย มองไปรอบๆถึงได้เข้าใจ เรายืนอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางน่าจะร่วมๆ 10 เมตร แต่มันบูดเบี้ยวไปด้วยรอยขุด ผมถามพี่เอี่ยวว่าขุดอะไร พี่เอี่ยวตอบว่าเจอเศษไหตรงบริเวณนั้นมากอยู่ อาจจะมีอะไรเหลือมาจากการขุดครั้งก่อนบ้าง ไม่นานเศษไหเริ่มเพิ่มปริมาณ เราทุกคนต่างลุ้นว่าอาจจะมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างจากการขุดครั้งนี้
1 เมตรผ่านไป ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ขึ้นเมตรที่ 2 ทุกคนต่างถอดใจเปลี่ยน
เราตกลงลองเปลี่ยนหลุมไปข้างๆผลที่ได้ก็เช่นเดียวกัน บ่ายแก่ๆแล้ว ทุกคนหมดแรงอ่อนล้าถอดใจ เรานั่งพัก ทุกคนมวนยาเส้นแบ่งกัน พ่นควันฉุย ลุงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังด้วยความหวังดี
“ไป เก็บของ เราจะเดินขึ้นดอยสูง”
“ไม่ทันหรอกลุ้งงงง” พี่นัทขัด
ทุกคนลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ ผมก็เช่นกัน แต่อะไรไม่รู้ดลบันดาลใจ ผมโดดลงในหลุมแรกที่เราเปิดกันไว้ ลองเอาอีควิน็อคกวาดดูอีกรอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ 400i ได้ทำหน้าที่ของมันไปแล้วในหลุมเดียวกันนี้ ป๊อดดด ป๊อออด เครื่องในมือผมร้อง ผมเงยหน้าขึ้นไปทุกคนยืนมองที่ปากหลุม ผมถาม
“ใครทิ้งอะไรลงมาปะครับ” ทุกคนส่ายหน้า
ไหนๆก็ไหนๆ เปิดให้ผมอีกหน่อยนะ พี่ยิ่งโดนลงมาอย่างรู้งาน ไม่นาน โลหะชิ้นนั้นก็เผยโฉม มันเป็นดาบหัก ที่จงใจหักก่อนจะฝัง ยาวซักไม้บรรทัดกว่าๆ ผมสั่งพี่ยิ่งให้ขึ้นมา แล้วผมลงไปต่อ ปรากฏว่าได้สัญญาณอีก คราวนี้ ได้สัญญาณ 10-12 จากการแกว่งทั้งสองทาง ผมเดาทันที สำริดแน่ๆ แล้วก็จริงดังคาด กระพรวนสำริดชิ้นงามสีเขียว ถูกขุดขึ้นมา และได้ส่งต่อให้ทุกคนพิจารณาความงาม
กำลังใจเริ่มกลับมา ผมโดดกลับลงไปอีกครั้ง คราวนี้พี่ยิ่งช่วยเปิดก้นหลุมให้ใหญ่ขึ้น ผมแกว่งเครื่องไปตามผนังหลุม ปรากฏว่ามีสัญาณที่หลายจุดมาก พี่ยิ่งไม่รอช้าโดดตามลงมาตามด้วยลุงติดๆ ไม่นานนัก มีดดาบหัก ก็ขึ้นมาอีกชิ้น กระพรวน ลูกปัด มากมาย ไม่นานนัก เสียงลุงก็ตะโกนละล่ำละลักออกมากจากก้นหลุม
“ถ้วย”
........โปรดติดตามตอนต่อไป