เรื่องเล่าจากนักล่า ตอน ล่าสมบัติผีทหารญี่ปุ่น EP.3 ตอนจบ
Author : Anak Prayoonwong เขียนจากประสบการณ์จริง
เรายังคงเดินๆ ขุดๆ ต่อไปเรื่อย จนกระทั้ง...
ผมสะดุดเข้ากับต้นไม้ทรงแปลกๆ ลำต้นบิดเบี้ยวสีดำปลายโค้งชี้ลงพื้น
ผมยืนนิ่งไปพักใหญ่พยายามคิดว่าเมื่อคืนเราฝันหรือเรามาตรงนี้จริงๆกันแน่ ผมเลยเรียกเต้ยมาดูว่า เมื่อคืนผมฝันถึงต้นไม้ต้นนี้
พอลองเอาเครื่องตรวจดูก็ได้ยินเสียงบางๆ ผมกับเต้ยลงมือเปิดหน้าดินแล้วให้เครื่องลงไปตรวจ คราวนี้เสียงชัดขึ้นมาก เราเลยลงมือขุดลงไปอีก สิ่งที่เราเจอทำให้แป้งกับเต้ยนั้นดูจะดีใจแต่ผมเริ่มหวั่นๆ เพราะจู่ๆฝูงผึ้งและแมลงก็บินว่อนส่งเสียงหึ่งๆตอมอยู่ทั่วบริเวณไปหมดไม่รู้มาจากไหน แต่พักเดียวทุกอย่างก็สงบลง ปากของภาชนะบางอย่างโผล่พ้นพื้นดินในสภาพสมบูรณ์ มีจานที่ทำจากสำริดวางอยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะเคยทำหน้าที่เป็นฝาปิดไหใบนี้มาก่อน
เต้ยทำการขุดดินรอบๆออก ภาชนะดินเผาดิบ ทรงปากกว้าง คอยาวแคบ มีหูจับเล็กๆสี่หู พร้อมลวดลายแกะสลัก เชือกทาบ และปั้นแปะ ภายในอัดแน่นไปด้วยดินเราค่อยๆประคองมันขึ้นมาช้าๆ
แป้งอาสาทำหน้าที่เปิดดูภายในว่าจะมีอะไรบ้าง ผมกับเต้ยลองขุดต่อเพราะยังมีสัญญาณจากเครื่องอยู่อีก หลุมนี้แปลกกว่าหลุมอื่นๆ ปกติเราจะเจอ มีด ขวาน สิ่ว อย่างละหนึ่ง แต่หลุมนี้มีอย่างละสองแถมยังใหญ่ชิ้นเล็กชิ้น ที่สำคัญเราได้ ถ้วยตราราชวงค์จีน กระพวน พดด้วงจำนวนนึงและเครื่องประดับเงิน และทอง ผมก็ดีใจมากแต่อีกใจก็แอบกลัวอยู่ลึกๆ ในไหไม่มีอะไรนอกจากดิน เราเลยเดาว่าน่าจะเป็นเถ้ากระดูกของคนสองคนถูกฝังไว้ด้วยกัน เราใช้เวลากับหลุมนี้ไปมากร่วมๆ สามชั่วโมงได้ รู้ตัวอีกทีก็เย็นมากแล้ว เราจึงตัดสินใจพอแค่นี้
เรานั่งชื่นชมสิ่งที่ขุดพบจนผมลืมเรื่องความฝันไปสิ้น ความตื่นเต้นดีใจมันยังลุกโชนเช่นเดียวกับกองไฟของเรา ฟ้ามืดเดือนดับ เราตัดสินใจออกเดินเครื่องกันอีกสักรอบเผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติมมากกขึ้น แป้งอาษาเฝ้าแคมป์ผมกับเต้ย เดินออกหากันคนละทิศทาง ไฟฉายคาดหัวที่เตรียมมาความสว่างเริ่มลดลง แต่ยังพอมองเห็นได้ ผมเดินแกว่งเครื่องหาสมบัติไปเรื่อยๆด้วยความสบายใจจนกระทั่ง
แฮ่...กรร..
เสียงขู่คำรามของสัตว์บางชนิดดังมาจากความมืดรอบตัวผม
เสียงมีมากกว่าหนึ่ง แถมเคลื่อนที่ตลอดเวลา ด้วยสัญชาติญาณผมย่อตัวลงมือตะปบมีดพกข้างเอว ส่องไฟไปรอบตัว ดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงไฟจากความมืดสามคู่ ล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ ผมมั่นใจทันทีทั้งขนาดและระยะห่างของดวงตา ทั้งเสียงขู่ที่คุ้นเคย ไม่น่าจะเป็นอะไรไปได้นอกจากหมาและที่นี่ก็ไม่น่ามีหมาป่าอาศัยอยู่ ผมลองผิวปากเบาๆ เสียงขู่ชะงักไป ผมผิวปากขึ้นอีกคราวนี้ถี่ๆ ได้ผลพวกมันสามตัวเดินเข้าหาผมในระยะที่ไฟคาดหัวจะมองเห็นได้ชัดขึ้น หมาบ้านสามตัว สีน้ำตาล ท่าทางละล้าละลังไม่มันใจและระแวดระวัง ผมล้วงเอาขนมที่พกมาด้วยบิแล้วโยนให้ ได้ผลทีนี้ส่ายหางแทบหลุด
“หมาใครวะ”
ไม่ทันจะสิ้นเสียงความคิด เสียงปืนนัดนึงก็ดังขึ้นห่างออกไป หมาทั้งสามชันหูแล้วจ้ำอ้าวไปยังที่มาของเสียงหายวับไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ผมเดินกลับแคมป์ เจอเต้ยรออยู่ก่อนแล้ว กำลังจะเอ่ยปากเล่าเต้ยก็พูดสวนมา
“สงสัยพวกล่าสัตว์นะพี่”
ผมเลยไม่ถามอะไรต่อ ตัดสินใจเข้านอนดีกว่าคืนนี้คงไม่ใช่คืนของเรา เช้าอีกวันเราเก็บข้าวของทุกอย่างทิ้งไว้แต่ความสงสัย พวกเขาคือใคร ทำไมต้องมาฝังศพไกลถึงขนาดนี้
ขาลงเขาเต้ยพาผมไปดูหลักหินสีเขียวขนาดใหญ่ที่คนโบราณ ตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง คงต้องใช้คนจำนวนมากแน่ๆ เราลงถึงที่ซ่อนรถมอเตอร์ไซอย่างปลอดภัย โบกมืออำลามิตรสหายและต่างก็แยกย้ายจากกัน
ผมแวะทำสังฆทานที่วัดใกล้ๆและถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่วายนึกถึงเหตุประหลาดในวันนั้นและหวังว่าเค้าเหล่านั้นจะไม่ไปทวงถามสิ่งที่ผมได้มา ...
อวสาน...